อดีตนักข่าวชื่อดัง ฉะข้อเรียกร้อง ‘ม็อบมุ้งมิ้ง’ พาประเทศถอยหลัง

นายสุทิน​ วรรณบวร​ อดีตผู้สื่อข่าว สำนักข่าวต่างประเทศ และอดีตแนวร่วมกปปส. ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

หยุดเรียกร้องให้ประเทศถอยหลังและขัดขวางการพัฒนา

นักการเมือง นักกิจกรรม นักวิชาการ ฝ่ายค้าน ม็อบมุ้งมิ้ง ม็อปเยาวชนปลดแอก เยาวชนไม่ทนแล้วฯลฯ ที่ประสานเสียงกันเรียกร้องกดดันให้นายกฯลาออก ยุบสภาแก้รัฐธรรมนูญนั้น

พูดความจริงกันเสียที ว่าจริงแล้วพวกท่านทั้งหลายไม่ประสงค์ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ขัดขวางการพัฒนาการเมืองเศรษฐกิจและสังคม

เพราะเรื่องยุบสภา ส.ส ยังไม่ได้มีการขัดแย้งอย่างรุนแรงกับรัฐบาล กฏหมายทุกฉบับผ่านมติสภาไปได้สบายๆ ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาล เสียงข้างมากในสภาก็ลงมติรับรองให้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อไปได้

ประเด็นให้นายกฯลาออก หนึ่งปีที่ผ่านมารัฐบาลบริหารประเทศมาราบรื่น ยังไม่มีข้อครหาว่านายกฯได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการใดๆ ส่วนข้อกล่าวหาลอยๆของฝ่ายค้านและชาวบ้านทั่วไปไม่มีหลักฐานใดๆว่านายกฯทุจริตทั้งทุจริตทางนโยบายและทุจริตทางตรง

รัฐบาลบริหารประเทศท่ามกลางวิกฤติโควิด19 ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจนทำให้ประเทศได้รับการยกย่องให้เป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดและรักษาโควิด19 ได้ดีที่สุดในโลก

ข้อเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิก รธน ปี 60 แล้วร่างขึ้นใหม่โดยประชาชนมีส่วนร่วมนั้น เป็นข้อเรียกที่ไม่มีวันจะเป็นได้ เพราะทุกคนรู้ดีว่าตั้งแต่คณะราษฯปล้นพระราชอำนาจพระราชทรัพย์ในปี 2475 เป็นต้นมาไม่เคยมีสภาชุดไหนร่าง รธน เองได้

รธน ทุกฉบับในประเทศนี้ เขียนขึ้นหลังยึดอำนาจหรือไม่หลังจากเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รุนแรง มี รธน ปี 2517 เพียงฉบับเดียวที่ร่วมร่างด้วยประชนที่คัดเลือกมาจาก 2500 คนที่เรียกว่าสภาสนามม้า

สำหรับ รธน 60 นั้น เป็น รธน ฉบับเดียวในประวัติศาสตร์ที่ผ่านการลงประชามติรับรองจากผู้มีสิทธิออกเสียงถึง 16.8 ล้านคน รธน ฉบับนี้ประกาศใช้เมื่ิอวัน 6 เม.ย 2560 โดยให้มีบทเฉพาะกาลบังคับใช้ 5 ปี

ในบทเฉพาะกาล 5 ปีนั้นมีประเด็นต่างๆที่คนทั่วไปเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ประเด็นสำคัญคืิอ ส.ว 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งมีสิทธิลงคะแนนร่วมกับส.ส 500 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในการลงมติเลือกนายกฯในสภาซึ่งเท่าว่าได้กำหนดให้ผู้แต่งตั้ง ส.ว เป็นนายกฯล่วงหน้า

แต่อย่างไรก็ตามประชาชนก็ได้ลงมติรับรองประเด็นนี้ไปแล้วด้วยเหตุผลว่าประเทศชาติได้บอบช้ำมามากจนเกือบล่มสลายเพราะกลุ่มการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติพยาบาทสถาบันได้ทำลายประเทศชาติประชาชนก่อนหน้ามานานนับสิบปี จึงจำเป็นที่ต้องบทเฉพาะให้หัวหน้ารัฐบาลได้มีฐานมั่นคงในการบริการประเทศในห้วงเวลาที่บทเฉพาะกาลบังคับใช้

รธน ประกาศใช้ 6 เม.ย 2560 จนถึงวันนี้ผ่านมาเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือนนายกฯและ ส.ว ยังเหลือเวลาที่บทเฉพาะกาลคุ้มครองอีกเพียง 1 ปี 9

ดังนั้นถ้านายกฯลาหรืิอยุบสภาเลือกตั้งใหม่ถึงอย่างไรนายกฯก็สามารถกลับมาเป็นนายกฯได้อีกถ้าท่านต้องการ

แต่ถ้ารออีกหนึ่งปีเก้าเดือน กำหนดใช้บทเฉพาะก็หมดไป ส.ว ชุดต่อไปต้องมาจากการเลือกตั้งและไม่มีสิทธิลงมติเลือกนายกฯ

เมื่อบทเฉพาะกาลหมดผ่านไปหลายมาตราใน รธน ก็เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้น ส่วนการแก้ รธน บางส่วนบางมาตรานั้น สภาได้ตั้งกรรมการศึกษาเริ่มดำเนินการแล้ว

ดังนั้นข้อเรียกร้องสามข้อของน.ศ นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน จึงไม่ใช่การเรียกเพื่อประชาธิปไตย แต่เป็นการเคลื่ิอนไหวให้ประเทศถอยหลังและขัดขวางการพัฒนา