นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้
#คนไทยไม่ทนต่อคนจาบจ้วงสถาบัน
#ต้องจัดการอีแอบให้จบในรุ่นเรา
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา หารือว่า ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อยุติการชุมนุมที่มีลักษณะล่วงละเมิดและจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเข้าข่ายผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ชัดเจน โดยขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะในการชุมนุมได้เช่าจอแอลอีดีที่มีค่าเช่าหลักแสนบาทอยู่ด้วย รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ ต้องร่วมดำเนินการ ขณะที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ต้องจัดการการสื่อสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย และต้องทำให้เร็วกว่า 15 วัน …
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องถอนประกันตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะมีคลิปหลักฐานว่าพูดท้าทาย พูดซ้ำ และจาบจ้วงสถานบันเบื้องสูงชัดเจน ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดเงื่อนไขการได้ประกันตัว นอกจากนี้ อธิการบดีที่ให้อนุญาตใช้สถานที่จัดชุมนุมต้องร่วมรับผิดชอบทางกฎหมายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ออกมาขอโทษเท่านั้น ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศต้องแจ้งไปยังประเทศที่ให้ที่พำนักกับนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ และนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่เคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนว่า ประชาชนไทยไม่ยินยอมให้ใช้ประเทศของท่านเป็นที่โจมตีสถาบัน และทำลายความมั่นคงของประเทศไทย ส่วนสื่อมวลชนต้องหยุดการเผยแพร่ข่าวสารของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
“ถ้าจบในรุ่นเรา ต้องจบ ตอนนี้เขาเอาลูกหลานเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก แต่คนที่เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังล้มสถาบันไม่เคยออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือการยั่วยุ และต้องการไปสู่ความฝันอันเพ้อเจ้อต่อการสานต่อภารกิจให้สมบูรณ์ ต่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 2475 ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้ไม้แข็งกับหัวโจก ใช้ไม้นวมและอ้อมกอดเพื่อหาทางแก้ไข ซึ่งผมพร้อมจบในยุคเรา” นายสมชายกล่าว
ขณะที่นายพรเพชร ชี้แจงว่า ข้อหารือดังกล่าวขอให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาถอดเทปโดยด่วน และส่งข้อหารือดังกล่าวไปยังรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอของนายคำนูณและนายสมชาย.
