แบรนด์ ‘หน้าไหว้-หลังหลอก’

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan โดยมีรายละเอียด

มีโอกาสได้พูดคุยกับกูรูด้านการตลาดท่านหนึ่ง เกี่ยวกับ #แบรนด์หน้าไหว้หลังหลอก ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในสถานการณ์ปัจจุบันมาก จึงขอความอนุเคราะห์ให้ท่านช่วยเรียบเรียงเป็นบทความมาให้ได้อ่านกันครับ


แบรนด์ “หน้าไหว้-หลังหลอก”


คุณเคยคิดบ้างไหมว่า

แบรนด์ก็ “หน้าไหว้-หลังหลอก” เป็นได้เหมือนคน

แบรนด์มีนิยามหรือความหมายในหลากหลายมิติและทฤษฎีที่ต่างกันไป

หากจะนิยามความหมายของแบรนด์ให้เป็นที่เข้าใจได้อย่างง่ายๆ

แบรนด์คือ “ประสบการณ์”

เมื่อคุณเดินเข้าไปซื้อกาแฟในร้านสตาร์บัคส์ 1 แก้ว

คุณไม่ได้เพียงแค่จะได้ลิ้มรสกาแฟที่มีคุณภาพ

แต่คุณยังได้ประสบการณ์ที่รายล้อมตัวคุณในร้านกาแฟสตาร์บัคส์

อย่างเช่นพนักงานที่ทุ่มเท ดูดีมีมารยาทและใส่ใจ

บรรยากาศภายในร้านที่คนมักจะรู้จักในชื่อ THIRD PLACE (สถานที่แห่งที่ 3 นอกเหนือจากบ้านและที่ทำงาน)

ของที่ระลึกที่ใครๆก็อดใจไม่ไหวที่จะต้องครอบครองให้ได้

เสียงเพลงที่มีรสนิยมเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในชีวิตประจำวัน พวกเราคงจะหนีไม่พ้นจากแบรนด์ที่หน้าไหว้-หลังหลอก

เหตุการณ์ล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครมในหน้าสื่อและ SOCIAL MEDIA

อาหารเสริมที่อวดอ้างสรรพคุณเกินความจริงแบบเกินเลยไปถึงดาวอังคาร

แบบนี้จะว่าไปก็คงหนีไม่พ้นแบรนด์หน้าไหว้-หลังหลอก

หรือแบรนด์ที่ต่อหน้ากลุ่มเป้าหมายหรือผู้บริโภคก็ดูดีมีสกุล

เต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณยาวเหยียดแน่นเต็มพิกัดจนล้นออกมา

แถมยังได้ PRESENTER ที่เป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศออกมาช่วยตอกย้ำคุณงามความดีของสินค้าดังกล่าว

ส่วนเบื้องลึกและเบื้องหลังหรือที่มาและที่ไปของสินค้าและ PRESENTER จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครที่อาจจะเอื้อมไปรับรู้ได้

แบบนี้ก็ “หลังหลอก” กันอย่างจงใจด้วยเจตนารมณ์ที่คิดดีแต่หวังร้าย

อย่าตัดสินแบรนด์หรือหลงเชื่อเพียงแค่ภายนอกหรือจากลมปากของตัวแทนแบรนด์ที่เป็น PRESENTER หรือ INFLUENCER

เวลานี้บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในขื่อในแปดั่งวันวาน

อยู่กันยากมากขึ้นด้วยจริตจิตวิญญาณอันต้อยต่ำของคนบางคนที่จะเอาแต่ได้หรือเพียงแค่ต้องการตอบสนองตัณหาส่วนตัวที่อยู่ลึกๆในใจ
เสียชาติเกิดจริงๆ

เกิดมาบนผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความสุข ในน้ำมีปลา-ในนามีข้าวและที่สำคัญ ผืนแผ่นดินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาของกษัตริย์ไทยในอดีตจนถึงปัจจุบันและบรรพบุรุษของพวกเราที่ช่วยกันกอบกู้ ป้องกัน รักษาและทะนุถนอมผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

การสร้างแบรนด์ต้องใช้เวลา

การรักษาแบรนด์ให้อยู่ได้อย่างยั้งยืนยงยิ่งต้องใช้เวลามากกว่า

อย่าเหมือนใครบางคนที่ชอบเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า

หรือหน้าไหว้-หลังหลอก

ต่อหน้าคนก็สร้างภาพสวยๆงามๆแต่ลับหลัง..เน่า

ที่ร้ายไปกว่าคือคอยจ้องทำลายแผ่นดินที่ตัวเองเกิดมา ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย

คนก็คือแบรนด์และแบรนด์ก็คือคน

ถ้าจะให้ลองถอดรหัสแบรนด์ (BRAND EQUITY ANALYSIS) ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

คำตอบนี้คงหนีไม่พ้น BODY SHOP เป็นต้น

และถ้าจะให้ถอดรหัสแบรนด์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับนวัตกรรม

เราคงจะต้องยกคำตอบนี้ให้กับ APPLE และ TESLA เป็นต้น

และถ้าจะถามต่อไปว่าแบรนด์ใดที่มีจริตและจิตวิญญาณแห่งความสนุกและร่าเริง

คำตอบนี้เราคงจะต้องยกให้ VIRGIN GROUP ของท่าน SIR RICHARD BRANSON หรือ DISNEY เป็นต้น

แต่ถ้าจะต้องให้ใครถอดรหัสเกี่ยวกับแบรนด์ที่หน้าไหว้หลังหลอก ปากว่าตาขยิบ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง น่ารำคาญที่สุดในเวลานี้

เชื่อได้ว่าใครๆก็คงจะต้องยกคำตอบนี้ให้กับแบรนด์ที่ได้ชื่อว่า “ประธานาธิบดีแห่งโลกโซเชียลของประเทศไทย” ที่กำลังเน่าเฟะ หลอกลวงแบบไร้ที่ติ ทรพีที่สุดในปัจจุบัน
-กะทิ-