เปิดบันทึกทนายเยี่ยม ‘พรพิมล’ ผู้ต้องขัง 112 ‘คืนแรกในห้องขังที่ไร้แสงสว่าง’

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า 4 เม.ย. 64 นับเป็นวันที่ 4 ที่ “พรพิมล” (สงวนนามสกุล) แม่ค้าขายของออนไลน์ อายุ 22 ปี ถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ หลังถูกจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 64 และถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขังของสภ.ช้างเผือกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนถูกแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดเชียงใหม่ในการฝากขัง และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเธอตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64

ระหว่างที่ทนายความเข้าเยี่ยมพรพิมล เธอร้องไห้ตลอดเวลาที่พูดคุยกัน สำหรับสิ่งที่เด็กสาวอายุ 20 ต้นๆ ต้องพบเจอ เธอเล่าว่าตลอดคืนที่ผ่านมา หลังถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เธอนับเวลารอให้แต่ละนาที แต่ละชั่วโมง ผ่านไปด้วยความยาวนาน โดยหวังว่าวันรุ่งขึ้น ทนายความจะได้เข้าเยี่ยมเธอตามที่ได้บอกกล่าวไว้ระหว่างกระบวนการที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่

เธอเล่าว่าห้องขังที่เธอถูกนำตัวเข้าไปมีลักษณะที่แปลกประหลาดมาก เป็นห้องขังขนาดเล็กที่มีเพียงเธอและผู้ถูกคุมขังอีก 1 คนอยู่ภายใน ตัวห้องปิดทึบไม่มีช่องใดๆ ให้มองเห็นภายนอก ไม่เห็นแสงสว่างนอกจากด้านหน้าของห้องขังที่มีแสงไฟและผู้คุมผ่านไปมาอยู่บ้าง ทำให้แทบจะไม่รู้ว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน อีกไปกว่านั้น ห้องขังใกล้ๆ ยังมีผู้ต้องขังคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัว ทำให้เธอแทบจะข่มตาหลับลงไม่ได้

พรพิมลเล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตของเธอว่า ตั้งแต่เธอเข้าเรียนมัธยมปลายในจังหวัดลำปางบ้านเกิด เธอก็ได้พยายามหารายได้ส่งเสียตัวเองเรียน ด้วยการสั่งซื้อสินค้าทั้งตุ๊กตาและเสื้อผ้ามาจากประเทศจีน เพื่อนำมาขายออนไลน์สร้างรายได้ให้กับตนเอง จนมีอยู่ช่วงหนึ่งสามารถจ่ายค่าเทอมของตนเองและน้องของเธอให้ร่ำเรียนได้ จากนั้นจึงได้ยึดถือการขายของออนไลน์เพื่อใช้ทำมาหาเลี้ยงปากท้องตนเองมาโดยตลอด

จนกระทั่งได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในคณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ แต่หลังจากเริ่มเรียนไปได้เป็นเวลา 1 ปี เธอก็ค้นพบว่าไม่มีความจำเป็นต้องศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป เมื่อเธอสามารถค้าขายสร้างรายได้เลี้ยงดูตนเองได้อยู่แล้ว จึงได้ออกจากการเรียนมหาวิทยาลัย มุ่งมั่นเข้าสู่การค้าขายบนโลกออนไลน์อย่างเต็มตัว จนสามารถเลี้ยงดูตนเองได้มาถึงปัจจุบัน

เธอเล่าว่าก็เป็นตามปกติของคนวัยเดียวกันที่จะมีการติดตามข่าวสารความเป็นไปของสังคมบ้าง ก็ได้รับรู้เรื่องราวของคนหนุ่มสาวรุ่นเดียวกันที่พยายามเรียกร้องถึงอนาคตของประเทศที่น่าจะดีกว่านี้ แต่เธอเองก็ไม่เคยได้เข้าร่วมการชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ มาก่อน มีเพียงแต่ได้ดูข่าวสารบ้างเท่านั้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง ความน่ากลัวของการเมืองไทยก็ได้เข้ามาคุกคามเธอถึงหน้าประตูห้อง เมื่อชายฉกรรจ์ 4-5 คน ไม่สวมใส่เครื่องแบบ ได้เข้ามาล้อมแสดงเอกสารอาญาสิทธิที่ใช้ชื่อว่า “หมายจับ” ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยกลุ่มคนเหล่านั้นแจ้งว่าเธอจะถูกจับในข้อหา “หมิ่นประมาทพระมหากษัติรย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีเสียงแว่วๆ จากกลุ่มคนดังกล่าวเพียงว่า “ไปทำอะไรมา ไปทำอะไรไว้”

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็เป็นเช่นเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตามสื่อสาธารณะต่างๆ

บทสนทนาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงระหว่างทนายความและพรพิมล เป็นการรับฟังสิ่งที่เธอต้องผ่านมาช่วงค่ำคืนแรกในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ประกอบกับการสอบถามข้อมูลส่วนตัว และอธิบายขั้นตอนทางคดีที่เธอจะต้องเผชิญหน้าต่อไป

พรพิมลฝากข้อความออกมาสู่โลกภายนอกสั้นๆ ว่า “กฎหมายนี้มันไม่แฟร์ คนที่ถูกกล่าวหาเหมือนถูกกลั่นแกล้งรังแก เหมือนถูกพรากชีวิตไป เหมือนคนตาย หนูไม่รู้ว่าข้างนอกมีอีกกี่คนที่โดนเหมือนหนู หนูไม่อยากให้กฎหมายนี้มันมีอยู่เลย หนูไม่ควรโดนแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรโดนแบบนี้”