‘จตุพร’ อ่านขาด ‘บิ๊กตู่’ ไปแน่พฤษภา-มีแผนชิงยุบสภาฯ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช. ปราศรัยบนเวทีไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย โดยระบุว่า วันนี้ เข้าสู่วันที่ 2 ของการปราศรัยออนไลน์ จึงได้หารือกันว่า ครั้งต่อไปอาจจะเพิ่มเวลาการปราศรัยจาก 6 ชั่วโมงเป็น 8 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง 18 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง เพราะนี่คือการซักซ้อมทำความเข้าใจ

ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการระบาด covid-19 นั้น ในร้ายมีดี ในดีมีเสีย และสิ่งที่ต้องการนำเสนอนั้นเพื่อต้องการ อธิบายความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาเป็นหลัก

นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ ปัจจุบันนี้ทุกคนมีความทุกขเวทนาจากการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ แต่หนักที่สุดเรื่อง covid-19 ซึ่งเมื่อวานนี้ตนก็ได้อธิบายกรณีมีข่าวเรื่องที่จะยุบสภานั้น วันนี้เริ่มต้นก็ดูว่ามีการขยับ ซึ่งการข่าวทางการเมืองนั้น ก็ได้ยินล่วงหน้ากันมาหลายวัน

กรณีมีการเข้าชื่อกันผ่านเพจหมอไม่ทน เพื่อที่จะขับไล่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประเด็นนี้หากมองชั้นเดียวนั้น ก็เห็นว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนที่เป็นหมอบุคลากรทางการสาธารณสุข แต่คนการเมืองอย่างตน ไม่คิดเช่นนั้น แม้แต่ตัวนายอนุทินเอง ก็รู้กันว่าดาบนี้มาจากไหน ดังนั้นตนเชื่อว่า นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย หากไม่อยากถูกถีบออกมา ก็ต้องตัดสินใจออกเสียเอง เพราะในทางการเมือง เห็นตัวตนอย่างชัดเจน

“ ผมเคยทำนายว่ารัฐมนตรีบางคน ที่ถูกอภิปราย ผมดูเส้นทางข้อมูลว่าจากรัฐบาลส่งให้ฝ่ายค้าน ผมรู้ว่าอีกไม่กี่วันไอ้หมอนี่จะต้องเกิดเรื่อง และก็พ้นจากตำแหน่ง”

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ในทางการเมืองก็เช่นเดียวกัน ต้องเขี่ย 2 พรรคการเมืองออกไปเสียก่อน ขณะเดียวกันก็ปรับทีมเศรษฐกิจ เอานายธนาคารที่เป็นเจ้าของ จนกระทั่งเหลือหุ้นของตัวเองนั้น มาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จากนั้นก็จะมีการยุบสภา การเข้าชื่อ 8หมื่น รายชื่ออย่างรวดเร็วนั้น ขอให้ติดตามว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้น

กระดานจากการเมือง หนีกันไม่ออก แต่ถามว่า จะเป็นหนทางแห่งการแก้ไขปัญหาชาติหรือไม่ เพราะการออกแบบนี้ เป็นการยุบสภา เพื่อจะมีการสืบทอดอำนาจกันต่อ คนที่เป็นนักการเมืองอาจจะคิดว่าเขาต้องรอพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แต่เราก็รู้ว่างบประมาณผ่านหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกนี้คิดจะกลับมาเอาอำนาจต่อ ดังนั้นงบประมาณปี 2565 ก็สามารถใช้ได้โดยอัตโนมัติ และก็ต้องกู้เหมือนกันทุกปี จากการบริหารประเทศที่ผ่านมา

“ ผมอยากเรียนกับพี่น้องเป็นการเบื้องต้นว่า ในขณะที่เราประสบเหตุระบาด covid-19 เดือดร้อนกันถ้วนหน้า มีมาตรการบังคับด้วยสิทธิเสรีภาพ แต่ไร้ซึ่งการเยียวยาโดยสิ้นเชิง หลายเรื่องราวนับตั้งแต่การยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 57 ที่บอกว่า จะเข้ามาปราบโกงนอกจากการรักษาความสงบ ต้องการจะปฏิรูปประเทศ แต่สุดท้ายวันใดที่พลเอกประยุทธ์พ้นจากอำนาจขอให้จำปากผมไว้ จะเป็นรัฐบาลที่มีขยะซุกไว้ใต้พรมมากที่สุด”

พร้อมย้ำว่า บ้านเมืองเรามันเหมือน 2 ระบบ เลือกตั้งให้พออธิบายได้ว่าเป็นประชาธิปไตย แต่การบริหารประเทศ ล้วนแต่เป็นเผด็จการทั้งสิ้น

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า วันนี้ต้องยอมรับความจริงว่า การรวมตัวเป็นเรื่องที่ยาก แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้าเราจะรวมตัวกันไม่ได้ ตนยังเชื่อว่าบรรยากาศ covid-19 ขณะนี้เราต้องใช้โอกาสทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ข้อเท็จจริงหลายเรื่องราวที่เรายังไม่ได้รับฟัง เราเชิญวิทยากรมาร่วมกันผสมผสานและทำความเข้าใจกัน ดังนั้นนี่จะเป็นจุดความหวังเดียวของการเปลี่ยนแปลงประเทศ