กุนซือเพื่อไทย สวมบทโหรฟันธง ช่วงจังหวะเวลา ‘ประยุทธ์’ จะเลือกยุบสภาฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเช้าวันที่ 14 มิ.ย.2564 โดยมีเนื้อหาดังนี้

รำลึก24มิถุนายน 2564 : 89ปี…ของการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิไตย

ภาพที่ปรากฎและเห็นกันประจักษ์ชัดทางการเมืองวันนี้ คือภาพของรัฐบาลที่บริหารไม่เป็น รับมือกับสถานการณ์วิกฤติทางสุขภาพไม่ทั่วถึง ไม่เป็นธรรม ไม่มีแผนการจัดการกับระบบฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับมหภาคและระดับกลุ่มอาชีพ กลุ่มแรงงานอย่างทันการ

ภาพรวมที่เห็นคือไม่มีการวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ แต่หมกมุ่นอยู่กับการสร้างภาพลวงตา

“วัคซีนคือทางออก และทางรอด” …ข่าวที่เห็นตามสื่อมวลชน คือการประชาสัมพันธ์สร้างภาพ เรื่องการกำหนดวาระแห่งชาติ ตั้งเป้าหมายปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศ

แต่ความเป็นจริงคือจัดการวัคซีนได้ไม่เพียงพอ หลายหน่วยงานประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปกระทันหันหลังวันดีเดย์ของรัฐบาลไม่ถึงสัปดาห์ ทั้งที่เปิดการจองผ่านสารพัดแอพพลิเคชันมาแล้วล่วงหน้าหลายเดือน

ภาพที่ปรากฎบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเห็นผลอย่างเป็นจริง คือ การประกาศว่ารัฐจัดหาวัคซีนทางเลือกอื่นๆไว้แล้วแต่ไม่มีการกำหนดเวลาที่เป็นจริง การยิ่งสร้างภาพด้วยวาจาของรัฐบาลกลายเป็นมายาภาพที่เชื่อไม่ได้ไปแล้วในสายตาประชาชน

รัฐบาลพยายามจะสื่อสารสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น แต่ รัฐบาลไม่เข้าใจว่า ความมั่นใจ ต้องเกิดจากการกระทำให้ทุกคนเห็น หาใช่การสร้างภาพ ให้ข้อมูลความหวัง แต่การกระทำตรงข้าม… คนก็จะยิ่งไม่มั่นใจและขาดความไว้วางใจรัฐบาลมากขึ้นทุกที

เมื่อประสานกับการตอบคำถามของผู้นำรัฐบาลในสภาฯที่ผ่านมา ก็ยิ่งสะท้อนถึงการไร้ความสามารถของ”ผู้นำ”ถึงศักยภาพในการพาประชาชนฝ่าวิกฤติ การตอบคำถามสำคัญๆ ที่รัฐบาล…ถูกพรรคร่วม ฝ่ายค้านและส.ส. ในสภาฯไต่สวนและตรวจสอบ ผู้นำรัฐบาลที่ถนัดสร้างภาพกลับแสดงออกอย่างไร้วุฒิภาวะด้วยการแสดงความฉุนเฉียว ไม่พอใจ และแสดงอำนาจข่มขู่คุกคาม “ตัวแทนประชาชนในสภา” เหมือนที่ “ผู้นำ” กระทำในช่วงการอภิปรายงบฯ และการตอบคำถาม เรื่อง “ทำไมต้องกู้ “ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

จึงไม่น่าแปลกใจว่าในแต่ละครั้งที่ผู้นำปรากฎตัวกลับเป็นทุกครั้งที่ตอกย้ำภาพผู้นำที่ไร้ศักยภาพขาดวุฒิภาวะ ถนัดแต่พูดก่นด่า ตำหนิผู้คนไปทั่ว และไม่เคยตอบคำถามเชิงเหตุผล ไม่เคยสร้างความหวังแม้เพียงเล็กน้อยให้ประชาชนรู้สึกไว้วางใจ

สถานการณ์ของผู้นำรัฐบาลเป็นเช่นนี้ซ้ำซ้อนและซ้ำซากมาโดยตลอดกระแสข่าว วิจารณ์หนัก …ว่าหาก ”ผู้นำและรัฐบาล”เดินหน้า ต่อไปในรูปการณ์เก่าแบบเดิมๆ จะยิ่งยากลำบาก แล้วอะไรจะเกิดขึ้น

เร็วสุด…หลายฝ่าย วิจารณ์ว่า

หากไม่สามารถประคับ ประคอง และคลี่คลาย วิกฤติที่ประชาชนคาดหวังและสามารถยอมรับได้ จะส่งผล ให้เกิดปรากฎการณ์”คอนเวิร์ส : ตัวใคร ตัวมัน” ในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล

การยุบสภาอาจเกิดขึ้นหลังครบ 105 วันในการพิจารณางบเสร็จ… หรือการยุบสภาอาจเกิดขึ้นหลัง กันยายน ปี 2564…ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่ายากมาก และยังเชื่อว่าแม้จะไม่ราบรื่นแต่พรรคร่วมรัฐบาลก็จะยังคงพยายามประคับประคองผลประโยชน์ของทุกฝ่ายต่อไปจนถึงที่สุด

ผมเชื่อว่า สิ่งที่เป็นไปได้ที่สุด คือ……รัฐบาลจะพยายามประคองให้ผ่านงบไป อย่างน้อยรัฐบาลจะได้ใช้งบประมาณอย่างน้อยสัก 3เดือน หรือ90วัน (เพื่อให้งบประมาณได้เริ่มใช้)และต้องพยายามแก้รธน.รายมาตรา ที่จะทำให้พวกเขาได้ประโยชน์สูงสุด

การยุบสภา…จึงอาจจะเกิดขึ้น เร็วที่สุดคือ…ในช่วงไตรมาสแรกของปีปฏิทิน 2565(มกราคม-มีนาคม 2565)

ซึ่งน่าจะเป็น ช่วงเวลาที่เป็นไปได้มากที่สุด และเหมาะสมที่สุด ที่ฝ่ายรัฐบาล ต้องการ

อย่างไร ก็ดี…เงื่อนไขสำคัญอันหนึ่ง ก่อนยุบสภา คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการทำให้เร็วที่สุดก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง คือการแก้รธน. เป็นรายมาตรา โดยเลือกแก้ในสาระที่รัฐบาลจะได้เปรียบและเกิดประโยชน์สูงสุดในตอนเลือกตั้ง

ถ้าจะแก้บ้างเป็นรายมาตรา เพื่อหวังให้เกิด ประโยชน์สูงสุดแก่ฝ่ายตน…

พปชร.อาจต้องการแก้รายมาตราโดยเฉพาะเรื่องแก้ระบบเลือกตั้ง โดยใช้บัตร 2ใบ…ที่พป.ชร.เชื่อว่าตนจะได้ประโยชน์สูงสุด และเกิดประโยชน์ต่อพรรคใหญ่(ซึ่งปัจจุบัน…”พป.ชร” ค่อนข้างมั่นใจในอำนาจและกำลังเงินของตน สูงสุด และมากที่สุด)
ความจริงการแก้รธน.เป็นรายมาตรา เป็นเรื่องที่อาจเห็นผลสำเร็จได้ง่ายและชัดเจนที่สุดและการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ให้ เป็นบัตร 2 ใบ…ก็เป็นสิ่งที่พอมีเหตุผลยอมรับฟังกันได้คือ

•การใช้บัตร 2ใบ เป็นไปตามหลัก ……”เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ”ซึ่งคนไทยคุ้นเคยและยอมรับว่าสะท้อนวิธีการเลือกผู้แทนที่ได้ตรงกับใจ ประชาชนที่อยากเลือกมากที่สุด

•การเลือกโดยใช้บัตร 2 ใบ เป็นการสะท้อนการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบพรรคการเมือง มีความเข้มแข็งมากขึ้นและดีขึ้นกว่าระบบบัตรใบเดียวที่สร้างสภาวะ เบี้ยหัวแตกให้เกิดพรรคเล็ก พรรคน้อยเต็มไปหมด อันนำมาซึ่งความไร้เสถียรภาพทางการเมืองให้เกิดขึ้น ในระบบการเมืองปัจจุบัน

อีกประเด็นสำคัญ ในการแก้รายมาตรา คือ การแก้ไขรธน.

เพื่อเพิ่มและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนหลายเรื่องที่ขาดหายไป และการตัดทอน หรือการลดอำนาจ สมาชิกวุฒิสภาลง ไม่ให้มีบทเฉพาะกาล …ที่นำมาใช้เลือกนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อลดทอนการสืบต่ออำนาจของรัฐบาลประยุทธ และพวก ”คสช.”

ทั้งนี้ถือเป็นการ แก้ไขปัญหาเรื่องการจัดสมดุลแห่งอำนาจของฏฎหมายรัฐธรรมนูญให้ลงตัวและ ได้ดุลมากขี้น

ส่วนประเด็นเรื่อง…การแก้ไข เพื่อปฎิรูปที่มาของอำนาจตรวจสอบ โดยการยกเลิกศาลรธน.และระบบองค์กรอิสระเช่นในปัจจุบัน / การยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฎิรูปประเทศ เพื่อปลด โซ่ตรวนอนาคตของประเทศ และการล้างมรดกบาป ของการรัฐประหารที่เกิดขึ้น เพื่อหยุดวงจรอุบาทว์ในการทำลายระบอบประชาธิปไตย ให้ยุติลง

ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ต้อง นำเสนอให้สังคมและฝ่ายประชาธิปไตยได้ช่วยกันจัดการหาทางออกต่อไป

รำลึก 24 มิถุนายน 2564 จึงเป็นการรำลึก 89 ปี…ของการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย และผมเชื่อว่าพลังฝ่ายประชาธิปไตยจะยังคงขยายกำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ อันเป็นสถานการณ์ผกผันกับรัฐบาลสร้างภาพที่กำลังตกต่ำทุกขณะเช่นกัน.