
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงคำวินิจฉัย ‘ล้มล้างการปกครองฯ’ ว่าปฏิรูป หรือปฏิวัติ Reform or Revolution
My respect to those who fight for Democracy and the People of Thailand
ด้วยจิตคารวะต่อนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเพื่อราษฎรไทย
(ก)
ผมเศร้าใจและละอายใจ
ที่ทั้งตัวบุคคลและทั้งสถาบัน
กับทั้งเครือข่ายของรัฐข้าราชการทหาร/ตำรวจ/ตุลาการ
ที่กุมอำนาจรัฐไทยอยู่ในขณะนี้
กระทำการทั้งปราบปราม ทำร้ายและทำลายชีวิตคนรุ่นใหม่ ๆ
อย่างไร้มนุษยธรรม
มีทั้งจับกุมคุมขัง (คุก) กระทำการดำเนินคดีความ
โดยไม่ยึดถือตามหลักการณ์ของนิติธรรม และหรือนิติรัฐ
ผมเศร้าใจและละอายใจ
ที่บุคคลและหรือตัวแทนของสถาบันเหล่านี้
ส่วนใหญ่ก็เรียนจบไปจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยเรา
ผมทั้งละอายใจ และขายหน้า
ที่บุคคลที่ได้รับการศึกษาสูงเช่นนี้
สามารถจะกระทำการที่ต่ำช้า
และขัดต่อจิตวิญญาณประชาธิปไตย
ขัดกับหลักการทางวิชาการนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ได้ถึงเพียงนี้
(ข)
ผมเชื่อว่าจากการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของการดำรงอยู่
และ/หรือการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ทั่วโลก
ไม่ว่าจะในเอเชีย หรือยุโรป เช่นในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
หรือในฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย/ฮังการี อิตาลี
และแม้แต่จักรวรรดิออตโตมัน
กับในจีน และในญี่ปุ่นนั้น
มีข้อสรุปเพียงสั้น ๆ อยู่ที่ว่า
หากมี “การปฏิรูป” ก็อยู่รอด
แต่หากขัดขืนดำเนินไปแบบเดิม ๆ
หรือ แบบทั้งรุนแรง ทั้งร้ายแรง
ก็จะหลีกเลี่ยง “การปฏิวัติ” ที่นองเลือดไปไม่ได้
(ค)
วิชาประวัติศาสตร์ที่ผมเล่าเรียนมา
ไม่ได้สอนผมและ/หรือพวกเราว่า
“ประเทศไทย” ของเราจะเป็นข้อยกเว้น
และไม่เหมือนใครในโลกใบนี้
ผมอยากจะเชื่อว่า “ความเปลี่ยนแปลง”
หรือ CHANGE ครั้งใหญ่มาถึงประเทศไทยของเราแล้ว
ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและตัวสถาบัน
กับทั้งเครือข่ายของรัฐข้าราชการทหาร/ตำรวจ/ตุลาการ
ที่กุมอำนาจรัฐไทยอยู่ในเวลานี้
จะบริหารและจัดการด้วยกฎด้วยเกณฑ์
ด้วยนิติธรรม ด้วยนิติรัฐ ด้วยสันติประชาธรรม
แทน “กฎของกู/ตัวกู” หรือไม่/เพียงใด เท่านั้นเอง
เวลาและประวัติศาสตร์ จะบอกให้เรารู้ในไม่ช้าไม่นานนี้
ผมขออวยพรให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
จงปลอดภัยจากโรคห่ามารร้ายโควิด
ปลอดภัยจากการเมืองทรามของ “คน (ไม่) ดี”
good luck and stay safe
ด้วยความชื่นชม และนับถือในน้ำใจและความกล้าหาญของนักประชาธิปไตยทุกรุ่น.