30 ก.ค. 61 – นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 7 อำเภอ 23 ตำบล 199 หมู่บ้าน ได้แก่ 1.มุกดาหาร เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดงหลวง และอำเภอเมืองมุกดาหาร รวม 14 ตำบล 185 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,250 ครัวเรือน 11,050 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
2.อุบลราชธานี เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขมราฐ อำเภอโพธิ์ไทร และอำเภอโขงเจียม รวม 5 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 179 ครัวเรือน 689 คน อพยพ 15 ครัวเรือน 47 คน ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และ 3.ตาก เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
นอกจากนี้ จังหวัดสกลนครได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสว่างแดนดิน และอำเภอโพนนาแก้ว รวม 5 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 48 ครัวเรือน 134 คน นาข้าว 240 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
สำหรับสถานการณ์ดินสไลด์ในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 6 หลัง ผู้เสียชีวิต 8 ราย ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ และได้อพยพประชาชนในพื้นที่ 60 ครัวเรือน 253 คน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านสว้า ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ พร้อมให้การดูแลในเบื้องต้นแล้ว
นอกจากนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 59 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รับมือภาวะฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ในช่วงวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2561 ทำให้มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อีกทั้ง จากการประสานข้อมูลกับกรมทรัพยากรธรณี พบว่า ในระยะนี้ พื้นที่ในจังหวัดตราด น่าน แม่ฮ่องสอน และตาก เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ต้องเฝ้าระวังการเกิดสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด
