สมาคมประมงฯขานรับ ‘บิ๊กอู๋’ เจรจาพม่าส่งแรงงานเข้าไทยแก้ขาดแคลน 5 หมื่นคน

17 ส.ค. 61 – พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคประมงทะเล โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนสมาคมประมงเข้าร่วมประชุม ที่กระทรวงแรงงาน ว่า ปัจจุบันประเทศจำเป็นต้องใช้แรงงานประมงอยู่ที่ 1.1 แสนคน แต่มีแรงงานเพียง 6 หมื่นคน ซึ่งยังขาดแคลนอีก 5 หมื่นคน

จากการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีมาตรการในการแก้ไขปัญหา 3 แนวทาง คือ มาตรการเร่งด่วน รัฐบาลจะดำเนินการต่ออายุการอนุญาตทำงานแรงงานประมงจำนวน 1.1 หมื่นคน ตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้วและบัตรจะหมดอายุวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยจะขยายอายุการทำงานออกไปอีก 2 ปี จนถึงปี 2563 โดยจะมีการเปิดศูนย์บริการเบ็ดเสร็จที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด 22 จังหวัดติดชายทะเล โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม – 30 กันยายน 2561 เพื่อให้แรงงานต่างด้าวในกิจการประมงมารายงานตัว และขออนุญาตทำงานอย่างถูกต้อง

แนวทางที่ 2 ใช้อำนาจตามมาตรา 17 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และอำนาจตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง 2558 (เฉพาะกรณี) เพื่อให้แรงงานต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทางชั่วคราวและเอกสารรับรองบุคคล มารายงานตัวขออนุญาตทำงานในภาคประมง คาดว่าจะดำเนินการได้ก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561

ส่วนแนวทางที่ 3 คือการนำเข้าแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงตามระบบเอ็มโอยู เป็นการจัดส่งแบบรัฐต่อรัฐ จะทำให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งล่าสุดผลการเจรจากับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ยินดีส่งแรงงานเมียนมาจำนวน 4.2 หมื่นคน เข้ามาทำงานในภาคประมงทะเลของไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องค่าแรง สิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ ซึ่งแรงงานเมียนมาจะเข้ามาทางเมืองมะริด ตะนาวศรี

ด้านนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาขาดแคลนแรงงานประมงมีมานานเป็น 10 ปี ซึ่งไม่สามารถแก้ไขให้จบได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากไม่ได้เป็นปัญหาของประเทศไทย แต่เป็นเรื่องระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม จากการประชุมวันนี้ ทางสมาคมประมงมีความมั่นใจ เนื่องด้วยระดับรัฐมนตรีลงไปเจรจาด้วยตนเอง ซึ่งจะส่งผลทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นประเทศไทย