‘บิ๊กตู่’ จ่อใช้ ม.44 แก้ไพรมารีโหวต ย้ำเลือกตั้ง ก.พ.62 เหมาะสมที่สุด

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาหารือ แต่หน้าที่ของเราคือสร้างความสงบเรียบร้อยให้ประเทศเพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายส่วน ไม่ใช่อีกคนหนึ่งพยายามทำให้สงบ แต่อีกคนหนึ่งไม่ให้เกิดความสงบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ติดตามดูทุกกลุ่ม ว่าอย่าทำให้บ้านเมืองสับสนอลหม่าน

เมื่อถามว่า จะดูการเคลื่อนทางโซเชียลมีเดียด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องจับตาดูทุกวัน บางทีก็ขยายความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นโซเชียลฯ ควรจะมีการสร้างบทบาทความรับรู้มากกว่าที่จะสร้างให้คนแบ่งเป็น 2 พวก ดังนั้น การที่จะไปสู่ประชาธิปไตยในวันหน้าจะต้องแก้ไขกันใหม่แล้วว่า การสร้างความรับรู้ประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะยังไม่ชอบ แต่เราต้องยอมรับกติกาในการเลือกตั้งเพราะการได้รัฐบาลมาเป็นการยอมรับเสียงส่วนมากและเสียงส่วนน้อย แต่รัฐบาลจะต้องทำหน้าที่เพื่อคนทั้งคนทั้งเสียงส่วนมากและเสียงส่วนน้อย ไม่ว่าจะเป็นของพรรคใดก็ตาม จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ดูแลทั้งสองฝ่าย เช่น ที่ตนไปลงพื้นที่ต่างจังหวัด ตนไม่ได้มองว่าใครอยู่ตรงไหนอย่างไร แต่มองว่าประชาชนต้องการอะไร แต่ส่วนใหญ่นักการเมืองจะมองเป็นพื้นที่ ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของเราพื้นที่นั้นนั้นเป็นของเขา ก็เลยกลายเป็นความขัดแย้ง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องดูแลเสียงคนส่วนใหญ่และต้องแก้ปัญหาให้คนเสียงส่วนน้อยด้วย สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านก็ตาม จะต้องมีหน้าที่ทำเพื่อประชาชนโดยรวมของประเทศ ทั้ง 77 จังหวัดให้ได้ และงานจะต้องเกิดในทุกพื้นที่

“ติดตามในโซเชียลฯ ตลอด ซึ่งมีเสียงในนั้นก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความแตกแยกในสังคมและต้องประณามคนเหล่านั้นด้วยว่าไม่ใช่ทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งคุณก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นคนกลุ่มไหน ไม่ต้องกังวล” นายกฯ กล่าว

ต่อข้อถามถึงการหารือระหว่าง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หารือในแนวทางการทำงานมาโดยตลอดสิ่งสำคัญต้องสอดคล้องกับการทำงาของรัฐบาล และ คสช.ด้วย ในเรื่องของการปลดล็อกและการทำตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งเราก็บอกไปแล้วว่ามีกำหนดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งหากเลยระยะเวลาตามที่ตนกำหนดไว้ จะทำอย่างไร ตนก็ได้บอกไว้ว่าถ้าเป็นไปได้การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นเดือน ก.พ.62

“ส่วนการทำไพรมารีโหวตนั้น ก็ต้องทำให้ได้ เพราะเขียนไว้แล้วในกฎหมาย ซึ่งในปีแรกจะมีปัญหาหรือไม่ จะต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไร ก็ต้องทำให้ได้ในระดับหนึ่งเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางกฎหมาย วันหน้าก็ควรจะทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่วันนี้ถ้าวันนี้ผมไปทำอะไรมากๆ กลายเป็นทำไม่ได้ จะเลือกตั้งได้ไม่ตามเวลา ก็จะกลับมาที่ผมอีก ผมต้องการให้ทุกอย่างเดินหน้าตามโรดแมป ซึ่งเดือน ก.พ.62 ผมถือว่าเหมาะสมแล้ว จริงๆ เวลายังยืดไปอีก แต่ผมก็ลดให้น้อยที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า จะใช้อำนาจตามมาตรา 44แก้ไขการทำไพรมารีโหวตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ก็นี่ไงที่กำลังจะแก้โดยใช้อำนาจผมไม่ใช่หรือ แล้วจะมาถามผมอีกทำไม อะไรที่มีปัญหาผมจะแก้ให้หมด นั่นแหละคือสิ่งที่ผมจะใช้อำนาจตรงนี้ แก้ให้สามารถทำงานได้ อย่างน้อยถ้าไมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มันจะเอาแค่ไหนล่ะ 50 , 60 หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ของกฎหมายนั่นแหละคือประโยชน์ของตรงนี้ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้เกิดความสงบสุข ซึ่งกฎหมายเขียนมาอย่างนี้ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร อย่าเอารัฐบาล คสช.ไปตรงนี้ ไม่อย่างนั้นจะมีคนที่อยู่ตรงกลางได้อย่างไร การเมืองยังไม่ได้เริ่ม แต่ปี่กลองก็เริ่มประโคมกันแล้ว ยังไม่ถึงยก 3 เลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า ตกลงจะใช้มาตรา 44 เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เขายื่นมาเมื่อไหร่ ผมก็เซ็นให้”