คตช.แถลงผลปราบทุจริต คณะอนุกก.ชุด4ช่วยลดงบจัดซื้อ2.1หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) แถลงผลการประชุม คตช. ครั้งที่ 1/2561 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฐานะประธานคตช.มอบหมายให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคตช.เป็นประธานแทนว่า ที่ประชุมมีการรับทราบการดำเนินงานของ คตช. ที่ผ่านมา โดยคณะที่ 1 อนุกรรมการด้านปลูกฝังจิตสำนึกได้แจ้งผลงาน โครงการโตไปไม่โกง เพื่อปลุกสร้างคุณธรรมที่เข้มแข็ง ให้เด็กและเยาวชน ซึ่งโครงการที่ได้รับรางวัลระดับเอเชีย ในด้านการนำการตลาดเข้ามาเปลี่ยนแปลงค่านิยมของคนในสังคม

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า คณะที่ 2  อนุกรรมการด้านการป้องกันการทุจริต ได้เสนอผลงานในการลดโอกาสการทุจริต และขับเคลื่อนการดำเนินการตามพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการพ.ศ.2558 คณะที่ 3. อนุกรรมการปราบปรามการทุจริตได้เสนอผลการดำเนินการในคดีต่างๆ อาทิ คดีคลองด่านที่มีการรื้อฟื้นจนศาลปกครองกลางสามารถพิจารณาคดีนี้ใหม่อีกครั้งได้ ยังมีคดีเงินทอนวัด คดีจำนำข้าว ทั้งนี้คณะอนุกรรมการชุดนี้ยังได้ดำเนินการจัดทำปรับปรุง แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการมาตราส่วน 1:4,000 ได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้รอการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่อไปว่า คณะที่ 4 อนุกรรมการด้านการประสานงานข้อตกลงคุณธรรม ได้ดำเนินการให้มีผู้สังเกตการณ์ในการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างส่วนราชการกับผู้ประกอบการ ตั้งแต่กระบวนการจัดทำเอกสารประกวดราคาจนถึงขั้นตอนส่งมอบงาน ซึ่งถือเป็นข้อตกลงคุณธรรม ถ้าเห็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในขั้นตอนใดก็สามารถแจ้งให้คณะอนุกรรมการทราบ เพื่อปรับปรุงแก้ไขได้ต่อไป โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้สามารถดำเนินการประหยัดงบในการจัดซื้อจัดจ้างได้ 21,800 ล้านบาทใน 79 โครงการ ที่เข้ามาร่วมกับรัฐบาลชุดนี้ ทั้งในส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว11 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 68 แห่ง ทั้งนี้จะมีการยกระดับค่าดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอรัปชั่นในประเทศ(CPI) ของประเทศไทย จากเดิมที่ปีที่ผ่านมาเราได้ 37 เต็ม 100 ซึ่งเป็นลำดับที่ 96 จาก 180 ประเทศ

“คตช.จะมีการเปลี่ยนแปลงและตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มขึ้น โดยคณะอนุกรรมการชุดที่ 3 ด้านการปราบปรามการทุจริตจะมีความเข้มข้นขึ้น โดยจะให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อขับเคลื่อนงานในด้านนี้ และตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นใหม่ ชื่อคณะอนุกรรมการเสริมสร้างความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ และเอกชนในการต่อต้านทุจริต เพื่อเสริมสร้างธรรมบาลให้เด่นชัดเป็นรูปธรรม ซึ่งภาครัฐและเอกชนจะต้องมาทำงานร่วมกัน รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตาม การดำเนินการตามมติ คตช.เพื่อติดตามการปฏิบัติงาน ขณะที่การทำงานด้านการประชาสัมพันธ์แม้ไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการ แต่มีคณะทำงานชุดย่อยที่อยู่ในฝ่ายเลขานุการ ปปท. จะทำหน้าที่ดังกล่าวเพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยคอรัปชั่น”พ.ท.กรทิพย์ระบุ

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลายคนในคตช.ได้เสนอว่าจะทำอย่างไรให้กลไกการแก้ไขปัญหาการทุจริตของคตช.มีอยู่ต่อไปอย่างถาวร ไม่หมดหน้าที่หรือยุบคตช.ไปพร้อมกับรัฐบาลเมื่อหมดวาระ แต่งตั้งให้เป็นองค์กรตามกฎหมาย มีสถานะมั่นคงและถาวร