กองทัพเรือจับน้ำมันเถื่อน2.4แสนลิตรลักลอบขนส่งกลางอ่าวไทย

วันที่ 10 กันยายน พล.ร.ท.บรรจบ โพธิ์แดง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1/ผอ.ศรชล.เขต 1 ได้รับรายงานมีการตรวจพบเรือต้องสงสัยลักลอบขนน้ำมันเถื่อน อยู่บนน่านน้ำแหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี จึงได้ร่วมกับ นายนิคม เหล็กศิริ นักวิชาการสรรพสามิตชำนาญการพิเศษฯ นายปรีดา บุญภา เจ้าพนักงานธุรการอาวุโสฯ ประจำสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 2 เข้าทำการตรวจสอบ

ในการนี้ ได้สั่งการให้ พล.ร.ต.สำเริง จันทร์โส เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 นำเรือตรวจการณ์ ต.264 มี ร.อ.ธนรัตน์ จันทนกรณ์ เป็นผู้ควบคุมเรือ พร้อมกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ออกลาดตระเวนค้นหาในรัศมีโดยรอบพิกัดที่ได้รับแจ้ง พบเรือบรรทุกน้ำมัน ช.ธาราสมุทร 2 ลักษณะเป็นเรือเหล็ก ตัวเรือสีน้ำเงิน เก๋งเรือสีขาว ขนาด 150 ตันกรอส ลอยลำอยู่ในพิกัดแบริ่ง 110 ระยะ 17 ไมล์ จากแหลมผักเบี้ย

ตรวจสอบพบลูกเรือสัญชาติไทย 6 คน ไม่มีสัญญาจ้างงาน ไม่พบเอกสารแสดงประเภทเรือ และไม่มีเอกสารกำกับน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล ที่ตรวจพบอยู่ในระวางห้องใต้ท้องเรือ วัดขนาดความกว้าง 6 เมตร ยาว 40 เมตร บรรจุน้ำมันจำนวน 240,000 ลิตร จึงได้ควบคุมเรือ พร้อมลูกเรือ เข้าเทียบยัง ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อทำการสอบสวนขยายผล

สอบสวน นายชัยณรงค์ มีนุ่น อายุ 50 ปี ไต๋เรือ ให้การว่า ตนพักอยู่บ้านเลขที่ 235/15 ม.1 ต.บางพระ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับหน้าที่ให้มาควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ไปส่งมอบให้กับลูกค้าที่ ท่าเรือมหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน

ด้าน พล.ร.ท.บรรจบ เปิดเผยว่า การสกัดจับเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือระหว่าง กองทัพเรือ กับสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 2 ถือเป็นการจับน้ำมันเถื่อนที่มีมูลค่ามากถึง 6 ล้านบาท ซึ่งหากน้ำมันในจำนวนนี้เล็ดรอดไปได้ จะทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีประมาณ 10.6 ล้านบาท นับเป็นการสร้างความเสียหายต่อภาครัฐอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมขบวนการ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป