รมว.แรงงาน เผยองค์กรเอกชนชมรัฐบาลไทยแก้ปัญหาแรงงานประมงก้าวหน้า

เมื่อวันที่ 12 กันยายน พล.อ.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับนาย Steve Trent และคณะมูลนิธิยุติธรรมและสิ่งแวดล้อม (EJF) ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือด้านแรงงาน โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงผลการหารือในครั้งนี้ ว่า นาย Steve Trent ได้ชื่นชมรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงที่มีความคืบหน้าไปมาก ส่วนกรณีการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานภาคการประมงนั้น รัฐบาลได้พยายามขับเคลื่อน โดยคำนึงถึงสุขภาพของแรงงาน โครงสร้างของเรือ เวลาในการทำงาน เวลาพักของลูกจ้าง การจ่ายเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อแรงงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำความเข้าใจกับภาคประมง เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนและไม่กระทบต่อเรือประมงพื้นบ้าน

ส่วนการจ่ายเงินให้ลูกจ้างผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ขณะนี้ได้ดำเนินการติดตั้งตู้เอทีเอ็มที่ท่าเรือเพิ่มเติมใน 22 จังหวัดติดทะเล และพยายามทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ เพื่อให้เข้าใจในช่วงเปลี่ยนผ่านและเกิดประโยชน์กับแรงงานและผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลมุ่งมั่นให้แรงงานได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายไทย นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมุ่งมั่นจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวให้เข้าสู่ระบบกฎหมายและได้รับความคุ้มครองแล้วกว่า 1.2 ล้านคน รวมทั้งยังเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเลอย่างจริงจัง

ด้านนาย Steve Trent กล่าวถึงการแก้ไขปัญหา IUU ของไทย ว่า ขอชื่นชมในความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาของไทย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาไปมากพอสมควร ซึ่งมูลนิธิยุติธรรมและสิ่งแวดล้อม (EJF) ในฐานะเป็นองค์กรเอกชนได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และได้ชี้แนะการแก้ไขปัญหามาตั้งแต่ต้น ขณะนี้ยังมีอีกบางเรื่องที่ต้องดำเนินคือ การให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานภาคการประมง ค.ศ. 2007 (2550) ซึ่งได้ชี้แจงว่าไทยมีความต้องจะรับอนุสัญญาดังกล่าว ฉบับที่ 98 ว่าด้วยการรวมตัวและร่วมเจรจาต่อรอง และฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว เพื่อยกระดับบาทบาทของไทยในเวทีภูมิภาคและเวทีระดับโลก