นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนพายุโซนร้อน “บารีจัต” (BARIJAT) บริเวณทะเลจีนใต้ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะฮ่องกง และเกาะไหหลำ ประเทศจีน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วน พายุไต้ฝุ่น “มังคุด”(MANGKHUT) จะส่งผลให้ในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน 2561 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกัน 57,758 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 76 มีปริมาณน้ำใช้การได้ 33,827 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 65 สามารถรองรับน้ำได้อีก 18,337 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักและลุ่มน้ำเจ้าพระยายังอยู่ในภาวะปกติ โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,139 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 69 มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 10,443 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีก 7,732 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีที่จะมีพื้นที่สำหรับรองรับปริมาณน้ำเหนือที่อาจได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบน จากอิทธิพลพายุโซนร้อนบารีจัต และพายุใต้ฝุ่นมังคุดในช่วงวันที่ 14-18 ก.ย.นี้
