‘กรมข้าว’ แจงยังมีผู้รับซื้อผลผลิตชาวนาแทนโรงสีข้าวพิจิตรที่ปิดตัวเหตุขาดสภาพคล่อง

เมื่อวันที่ 14 กันยายน นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวชี้แจงกรณีโรงสีจังหวัดพิจิตรประสบภาวะวิกฤติหยุดรับซื้อข้าวปิดกิจการ เนื่องจากขาดทุน ว่า ในฤดูนาปี ปี 2561/62 นี้ จังหวัดพิจิตร มีพื้นที่เป้าหมายการส่งเสริมการปลูกข้าว รวมทั้งสิ้น 1,498,315 ไร่ แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 409,742 ไร่ ข้าวหอมไทย 4,040 ไร่ ข้าวเจ้า 1,058,533 ไร่ และข้าวอื่นๆ 26,000 ไร่ มีการปลูกข้าวแล้วทั้งสิ้น 1,751,533 ไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิต 952,156 ตันข้าวเปลือก ขณะนี้ชาวนามีการเก็บเกี่ยวและจำหน่ายข้าวไปแล้วในพื้นที่ 647,759 ไร่ ผลผลิต 352,132 ตัน คิดเป็นร้อยละ 37 ของผลผลิตทั้งหมด ยังเหลือข้าวที่ยังไม่เก็บเกี่ยวอีกในพื้นที่ 1,103,765 ไร่ ผลผลิต 600,024 ตัน

ขณะที่ปัจจุบันจังหวัดพิจิตร มีโรงสีซึ่งสามารถรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร 37 โรง กำลังการผลิตรวม 12,647 ตันต่อวัน แบ่งเป็นโรงสีข้าวขนาดใหญ่จำนวน 10 โรงมีเงินทุนหมุนเวียนมาก สามารถรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรได้ตลอดปี และโรงสีข้าวขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวน 27 โรง มีการรับซื้อข้าวเปลือก แต่จะรับซื้อข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงสีขนาดเล็กและขนาดกลางบางรายประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร เนื่องจากสถาบันการเงินจำกัดวงเงินสินเชื่อและต้องใช้หลักประกันที่สูง ประกอบกับไม่มีคำสั่งซื้อข้าวสารจากผู้ส่งออก ทำให้ต้องหยุดการรับซื้อข้าวเปลือกชั่วคราวจากเกษตรกร อย่างไรก็ตามในจังหวัดพิจิตรจะมีผู้ประกอบการท่าข้าวในพื้นที่ที่จะรับซื้อและรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกจากเกษตรกรแทนโรงสีที่หยุดการรับซื้อแล้วไปจำหน่ายต่อให้กับโรงสีข้าวขนาดใหญ่ต่อไป