นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางกงสุลใหญ่เกาหลีใต้ประจำประเทศไทย เข้าหารือแนวทางการแก้ปัญหาแรงงานไทยลักลอบทำงานในเกาหลีผิดกฎหมาย ซึ่งได้มีการหารือถึงแนวทางการเพิ่มโควต้าแรงงานไทยไปทำงานในเกาหลี จากเดิมที่ปี 2560 ให้โควต้า 5,000 คนและปีนี้ได้โควตาเพิ่ม 7,000 คน ซึ่งความต้องการของแรงงานไทยที่จะไปทำงานในเกาหลียังมีมาก จึงอยากจะขอเพิ่มโควต้า แต่การขอเฉยๆคงไม่ได้ ไทยต้องเร่งฝึกแรงงานให้มีความพร้อมทั้งทักษะด้านภาษา ร่างกายเพื่อให้แรงงานมีคุณภาพ
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า อีกประเด็นที่ได้หารือกันคือ ปัญหาการลักลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมายของคนไทยในคราบนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 70,000 คนเป็น 1.2 แสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร โรงงานอุตสาหกรรม ก่อสร้างและงานนวด เนื่องจากค่าจ้างสูงไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท และไม่ต้องรอนาน ไม่ถูกหักประกันสังคม จึงลักลอบไปกันเยอะ ซึ่งไทยเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาพยายามสกัดกั้นตามสนามบินทั้งฝั่งไทยและเกาหลีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเกาหลีได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ที่ฝั่งไทยด้วย แต่ที่ตัวเลขยังพบสูงขึ้นนั้น อาจเป็นเพราะมีการติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก แรงงานยอมเสี่ยงและเล็ดลอดไปได้ เจ้าหน้าที่ระงับไม่ทัน จึงเข้าไปทำแบบผิดกฎหมายมากขึ้น ทั้งไทยและเกาหลี จึงต้องสกัดกั้นทั้งต้นทางและปลายทางให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลของเกาหลีพบว่า คนไทยที่ทำงานแบบถูกกฎหมายตามโครงการความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศหรือ EPS ประมาณ 25,000คน และมีแรงงานทักษะสูงที่อยู่ที่นั่นประมาณ 50,000 คน รวม 75,000 คน
อย่างไรก็ตามปลายเดือนกันยายนนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน พร้อมคณะผู้บริหารจะบินไปเยี่ยมแรงงานไทยที่ทำงานอยู่เกาหลี พร้อมหารือกับรัฐมนตรียุติธรรมของเกาหลี เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาแรงงานไทยลักลอบทำงานผิดกฎหมายที่เกาหลีร่วมกัน โดยเบื้องต้นจะเสนอแนวทางการแก้ปัญหาโดยการนำแรงงานที่ผิดกฎหมายในเกาหลีเข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง เช่นเดียวกับการจัดการแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ยังเสนอขอให้เกาหลีพิจารณาการปลดล็อคแรงงานที่ผิดกฎหมายที่ถูกส่งกลับและติดแบล็คลิสต์ ให้กลับเข้าไปทำงานที่เกาหลีแบบถูกกฎหมายได้อีกครั้งด้วย
