ลูกหนี้ตื้นตัน! ผลงานรอบ1เดือนคืนโฉนดที่ดิน3,200ฉบับ จับนายทุน481ราย

เมื่อวันที่ 19 กันยายน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบมีความคืบหน้าไปมาก จากการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระกลาโหม กำชับให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงและปลอดภัยในราชอาณาจักร ขับเคลื่อนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาในช่วงที่ผ่านมา โดยยึดหลักการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ตามข้อเท็จจริง ด้วยการจัดให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันเพื่อทำข้อตกลงร่วมกันตามที่กฎหมายกำหนด โดยในวันที่ 20 กันยายนนี้ ฝ่ายความมั่นคงจะส่งมอบโฉนดที่ดิน บ้านและทรัพย์สินที่ถูกฉ้อโกงจากเจ้าหนี้ คืนให้กับประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศ ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาคและกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สำหรับพล.อ.ประวิตร จะเป็นประธานมอบโฉนดที่ดินคืนให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานครั้งที่ 3 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 15 สิงหาคมถึงวันที่ 17 กันยายน 2561 การบังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย สามารถเจรจานำไปสู่การไกล่เกลี่ยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วกว่า 4,200 ราย อยู่ระหว่างเจรจา 1,200 ราย สามารถคืนทรัพย์สินให้ประชาชนได้เกือบ 4,300 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดินกว่า 3,200 ฉบับ และสามารถดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดได้ทั้งสิ้น 481 ราย ยึดของกลางได้มูลค่ากว่า 370 ล้านบาท

“พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูปัญหาหนี้นอกระบบในตลาดชุมชน ซึ่งภาพรวมประชาชนมีความเชื่อมั่นการทำงานของฝ่ายความมั่นคงมากขึ้น โดยเราได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากประชาชน เพิ่มมากขึ้นกว่า 6 หมื่นราย”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับการคลี่คลายปัญหาและเข้าสู่ระบบแล้ว กระทรวงแรงงานและธนาคารของรัฐจะลงไปให้คำแนะนำและเสริมความรู้และทักษะการประกอบอาชีพให้ เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้มีความเข้มแข็งทางอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับปัญหาความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงแหล่งทุน กระทรวงการคลัง ได้จัดหาแหล่งทุนให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งธนาคารของรัฐ การปล่อยกู้จากเจ้าหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือพิโกไฟแนนซ์ รวมถึงการจัดทำธนาคารชุมชุนเพื่อให้ประชาชนร่วมกันออม โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเงินทุนออมเข้าไปอีกส่วนหนึ่ง เพื่อกระจายให้ชุมชุนสามารถดูแลกันเองได้

นอกจากนี้ สิ่งที่พบในการลงพื้นที่คือ การกู้ในส่วนที่เป็นเหตุฉุกเฉินของประชาชนส่วนใหญ่ ใช้เพื่อการรักษาพยาบาลและการศึกษา ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล สำหรับการวิเคราะห์และประเมินความเหมาะสมในการพัฒนาระบบสวัสดิการ เช่น บัตรทองการรักษาพยาบาลและกองทุนเพื่อการศึกษาที่เหมาะสมกับประชาชนส่วนใหญ่ โดยไม่เป็นภาระกับครอบครัวของผู้มีรายได้น้อยต่อไป