‘สมคิด’ ผลักดันหลัก ‘ตลาดนำการผลิต’ ดูแลเกษตรกรแบบประชารัฐ

เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคเอกชน ในการร่วมมือกันใช้หลัก “ตลาดนำการผลิต” ภายใต้ประชารัฐ เพื่อช่วยเหลือดูแลเกษตรกร ว่าเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ด้วยการหาตลาดที่รับซื้อผลผลิตเกษตรที่แน่นอน ซึ่งภาครัฐและเอกชนได้หารือกันมาโดยตลอด ขณะเดียวกันต้องการให้เกิดความหลากหลายในการผลิต สนับสนุนให้เกษตรกรไม่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพียงอย่างเดียวเพราะจะมีโอกาสเสี่ยงเสียหาย จึงต้องเพิ่มทางเลือกเพื่อสร้างโอกาส พร้อมมอบหมายกรมส่งเสริมสหกรณ์เชื่อมต่อเอกชนให้มากขึ้น

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ จะหาตลาดก่อนไปแนะนำเกษตรกรทำการเพาะปลูก เช่นในขณะนี้ที่พบว่า พื้นที่ปลูกข้าว 58 ล้านไร่ มีผลผลิต 33 ล้านตันข้าวเปลือกก็เพียงพอใช้ในประเทศแล้ว ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ยังมีไม่พอความต้องการใช้ภายในประเทศอีกประมาณ 4 ล้านตัน จะไปแนะนำชาวนามาปรับเปลี่ยนปลูกแทน นอกจากนี้ไม่เพียงแต่ข้าวโพดเท่านั้นยังรวมถึงพืชผลไม้หลายๆ ชนิดด้วย

ทั้งนี้จะใช้กลไกสหกรณ์การเกษตร 1,300 กว่าแห่งมาช่วยส่งเสริมการผลิต โดยมีเอกชน หรือตลาดรับซื้อที่แน่นอน ขณะที่สถาบันการเงินจะดูแลเรื่องสินเชื่อ พร้อมทั้งมีระบบประกันภัยพืชผล ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณ 641 ล้านบาท ระยะเวลา 6 เดือน โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า จะเน้นเชื่อมโยงตลาดทั้งตลาดจำพวกห้างร้านภาคเอกชนกับเกษตรกรและตลาดกลางเชื่อมตลาดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงนำสู่ภาคบริการ เช่นตลาดท่องเที่ยว พื้นที่ท่องเที่ยว สร้างความหลากหลายและอำนวยความสะดวกผ่านธุรกิจบริการ เป็นลักษณะการยกระดับภาคการเกษตรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาดีขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ภาคเอกชนที่มาร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินการ พร้อมแจ้งความต้องการสินค้าเกษตร เพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ สามารถวางแผนการเพาะปลูกได้ ในครั้งนี้ อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CPF ,CP All ,7-11) เซ็นทรัลกรุ๊ป ไทยเบฟเวอร์เรจ เบทาโกร ไทยยูเนี่ยนฟู๊ด เทสโก้โลตัส แมคโคร บิ๊กซี และท้อปส์