‘ประวิตร’ ไม่โกรธ ‘ทักษิณ’ โผล่ทวงบุญคุณเคยให้เป็นผบ.ทบ. ใครทำอะไรไว้ก็รู้กันดี

เมื่อวันที่ 20 กันยายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีสีหน้ายิ้มแย้ม และโบกมือทักทายสื่อมวลชน พน้อมปฎิเสธให้สัมภาษณ์ ก่อนจะเดินทางไปมอบโฉนดที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ ภายหลังถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊คพาดพิงว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.เลย”

พล.ท.คงชีพ ตัณตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร เห็นข่าวแล้ว และไม่ได้รู้สึกโกรธและโมโหอะไรเพราะทราบว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น และต้นเหตุมาจากอะไร ดังนั้นอย่าไปพูดแค่เพียงปลายเหตุ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน ยืนยันว่าบ้านเมืองของเราอยู่ด้วยกฎหมาย หากดำเนินการอะไรไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นทางกฎหมายไม่เช่นนั้นสังคมจะอยู่ด้วยกันไม่ได้

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ส่วนเพจเปรี้ยง ที่ออกมาตอบโต้แทน พล.อ.ประวิตร และนำภาพนายทักษิณ กับ พล.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและอดีต หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. บิดา ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่นั้น ส่วนตัวยังไม่เห็นเพจดังกล่าว ซึ่งเราเคยรู้กันอยู่ว่าใครเคยทำอะไรไว้ ถามว่าจะเอาเรื่องในอดีตมาพูดกันทำไม การนำเรื่องแบบนี้มาพูดแล้วจะมีใครคบด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด

“แต่สิ่งที่นายทักษิณพูดคือสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ซึ่งพล.อ.ประวิตร คงไม่ตอบโต้อะไร ใครทำอะไรไว้ต่างก็รู้กันอยู่ วันนี้สังคมฉลาดขึ้น อย่าไปพาดพิงใคร วันนี้ต้องทำให้บ้านเมืองมีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า เราไม่โทษใคร” พล.ท.คงชีพ กล่าว

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการเลือกตั้งหรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีผล เพราะเชื่อว่าสังคมรู้ข้อมูล มากพอสมควร ใครจะมาชี้นำคงไม่ได้แล้ว วันนี้เราเห็นกันอยู่ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น และภายหลังที่รัฐบาลคสช.เข้ามาประเทศชาติมีความเข้มแข็งขึ้น ซึ่งเราก็ต้องร่วมกันเดินหน้าสร้างประเทศชาติให้มีความเข้มแข็งต่อไป อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ หน่วยงานความมั่นคง ก็ติดตามอยู่ตลอดเวลา แต่จะเข้มงวดเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนอาวุธสงคราม เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับพรรคการเมืองที่จะลงพื้นที่ เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง อย่างเท่าเทียมและเสรี ปราศจากความรุนแรง

“การเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศในห้วงนี้เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการช่วงชิง ความได้เปรียบทางการเมืองการหาเสียงซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องไม่ทำให้สังคมอยู่ประเทศชาติเสียหาย หากรักประเทศจริงก็อย่าทำให้ประเทศเสียหาย ภาพลักษณ์ของประเทศ อย่าทำให้กลไกของรัฐอ่อนแอ เราต้องพยายามฝ่าแรงเสียดทานนี้ไปให้ได้” พล.ท.คงชีพ กล่าว