นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ กล่าวว่า วันนี้ต่อเนื่องถึงวันที่ 23 กันยายน ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักถึงหนักมากใน 8 จังหวัดภาคใต้ คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ซึ่ง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก ส่วนภาคตะวันตก มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนช่วงวันที่ 24-27 กันยายน ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์แนวโน้มฝนระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน เป็นช่วงที่ฝนน้อยลงเกือบทุกภาคมีบ้างบางพื้นที่แต่ไม่มากนัก เนื่องจากระยะนี้ลมมรสุมที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อน คาดว่า จะมีมวลอากาศเย็นปกคลุมและจะแผ่ลงมาอีกกระลอกช่วงวันที่ 28-29 กันยายน จะส่งผลให้มีฝนและฝนฟ้าคะนองในระยะแรกๆ แต่ปริมาณฝนที่จะตกลงมาเติมน้ำในเขื่อนหรือลุ่มน้ำต่างๆ จึงไม่มีผลมากนัก แต่ยังคงต้องติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่การติดตามสถานการณ์พายุในมหาสมุทรแปซิฟิกลูกที่ 28 ชื่อว่า “จ่ามี” (Trami) ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนแล้วกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ คาดว่า ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย
รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำต่างๆ ว่า มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งหลายสาย คือ แม่น้ำป่าสัก อ.หล่มสัก อ.เมืองเพชรบูรณ์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ แนวโน้มเพิ่มขึ้น แม่น้ำสงคราม จ.สกลนคร แนวโน้มลดลง ห้วยหลวง จ.อุดรธานี แนวโน้มลดลง แม่น้ำนครนายก บริเวณ อ.องครักษ์ จ.นครนายก แนวโน้มทรงตัว แม่น้ำบางปะกง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา แนวโน้มทรงตัว และคลองพระปรง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว แนวโน้มลดลง ทั้งนี้ ให้เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำภาคตะวันออก เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกสะสมที่ผ่านมาและยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ส่วนภาคกลางและภาคใต้ไม่มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง
