ไทย-เมียนมา ร่วมเปิดศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างจังหวัดระนอง

เมื่อวันที่ 23 กันยายน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายเต็งส่วย (H.E.U Thein Swe) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจคนเข้าเมือง และประชากร สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมเปิดศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างจังหวัดระนอง เพื่อเป็นศูนย์รับแรงงานเมียนมาเข้าทำงานในภาคประมงทะเลเป็นการเฉพาะ

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคประมงในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน การเปิดศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างจังหวัดระนอง วันนี้ (23 ก.ย.) ถือเป็นการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงทะเล ทั้งเรื่องของความต้องการแรงงาน และการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งสอดรับกับการหารือร่วมกันของไทย-เมียนมา ซึ่งจะส่งแรงงานเข้าทำงานบริเวณท่าเทียบเรือจังหวัดระนอง กับจังหวัดเกาะสองของเมียนมา อันจะเป็นประโยชน์ในการลดขั้นตอน เกิดประสิทธิภาพของการจัดส่งและรับแรงงาน เกิดความสะดวกในการติดต่อสื่อสารของนายจ้าง/ ผู้ประกอบการกับแรงงานในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะรองรับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยตามระบบ MOU โดยเป็นสถานที่อบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ แก่แรงงานต่างด้าวอย่างครบวงจร อาทิ การอบรมเตรียมความพร้อมที่จะทำงาน ให้ความรู้ด้านกฎหมาย การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ตรวจสอบและคัดกรองแรงงานต่างด้าว ออกใบอนุญาตทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ และประสานให้ความช่วยเหลือ เป็นต้น

รมว.แรงงาน ยังกล่าวอีกว่า ระบบการทำงานของศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างระนอง จะดำเนินงานในรูปแบบ ONE STOP SERVICE คือ การตรวจลงตรา Visa ลงทะเบียนประวัติแรงงาน เข้ารับการอบรมการทำงานในภาคประมงทะเล สิทธิสวัสดิการ และการออกอนุญาตทำงาน ซึ่งจะทำให้มีความพร้อมในการขอรับใบอนุญาตทำงานในภาคประมงทะเล (Sea Book) จากกรมประมง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วยในเรื่องของการติดตามนัดหมาย การยืนยันจำนวนแรงงาน เที่ยวเรือในแต่ละวัน เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไม่มีแรงงานตกค้าง นายจ้างสามารถมารับแรงงานได้ตรงตามเวลานัดหมาย ขณะที่ ในวันนี้มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตาม MOU แล้ว 67 ราย ในจำนวนนี้ทำงานกับนายจ้างไทย 19 ราย อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณ นายเต็ง ส่วย รัฐมนตรีแรงงานฯ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และคณะ ที่ได้ขับเคลื่อนงานให้เกิดผลสำเร็จครั้งนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนแรงงานเมียนมาภาคประมงทะเล ราว 42,000 คน ให้เข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป