‘เอ็นจีโอ’ นำชาวบ้านลำปาง จี้กรมชลประทาน ทบทวนสร้างอ่างเก็บน้ำ ‘น้ำงาว’ อ้างกระทบวิถีชีวิตชุมชน

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2562 กลุ่มรักษ์น้ำงาว ในนามเครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง ,สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรรม (พีมูฟ) ได้ยื่นหนังสือเรื่อง”ขอให้ยกเลิกโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำน้ำงาวฯ”ต่ออธิบดีกรมชลประธาน ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง

โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ตามที่อธิบดีกรมชลประทานได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าครัวเรือนเจ้าของบ้านที่อยู่ในหมู่ 11 บ้านขวัญคีรี ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง เรื่อง ขอเชิญเข้าร่วมการประชุมปฐมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำน้ำงาว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 โดยอ้างว่า กรมชลประธานได้ว่าจ้างบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด มาดำเนินงานศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำน้ำงาวฯ ตามสัญญาเลขที่ จ.52/2562 (สพด.) ลงวันที่ 24 กันยายน 2562 ระยะเวลาปฏิบัติงาน 360 วัน โดยเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ครบกำหนดอายุสัญญาวันที่ 24 กันยายน 2563 นั้น กลุ่มรักษ์น้ำงาว ซึ่งเป็นชุมชนปกาเกอะญอ ในพื้นที่บ้านขวัญคีรี อ.งาว จ.ลำปาง เครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ขอแสดงความเห็นและข้อเรียกร้อง ดังนี้

​1. เราเห็นว่า บริษัท ปัญญา คอนซัลแทนต์ จำกัด ซึ่งกรมชลประธานได้ว่าจ้างให้มาศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการนี้ ไม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่ใช่สถาบันทางสังคมที่ประชาชนให้การยอมรับ และมีแนวโน้มว่าการทำรายงานของบริษัทดังกล่าวเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กรมชลประทานในการดำเนินโครงการฯ มากกว่ารับฟังความต้องการและความเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง

2.เราเห็นว่า การที่กรมชลประทานว่าจ้างบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด มาดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำน้ำงาวฯ นี้ น่าจะเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 58 ที่ว่า

​​“การดำเนินการใด ๆ ของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นอาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสีย สำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดำเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ดำเนินการหรืออนุญาตตามที่กฎหมายบัญญัติ

​​บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อนการดำเนินการ หรืออนุญาตตามวรรคหนึ่ง” (รายละเอียดตามที่อ้างถึง)

​3.เราเห็นว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำงาว ซึ่งเราชุมชนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ไม่มีความต้องการแต่อย่างใด น่าจะเป็นโครงการฯ ที่ไม่มีความโปร่งใสและประโยชน์ที่ได้น่าจะไม่น่าจะคุ้มค่ากับการสูญเสีย ทั้งนี้เพราะโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำงาว นอกจากจะทำลายวิถีชีวิตและที่ทำกินของชุมชนปกาเกอะญอในพื้นที่แล้ว ยังจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์จำนวนมาก ดังรายละเอียดที่แจ้งในโครงการฯ​ได้แก่ พื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 จำนวน 481 ไร่ พื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท จำนวน 500 ไร่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่โป่งและป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่งาวฝั่งซ้ายในเขตป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (ป่า C) เป็นพื้นที่ทั้งหมดของขอบเขตอ่างเก็บน้ำ 677 ไร่ และพื้นที่การเกษตรจากการแปลภาพถ่ายทางอากาศปี พ.ศ. 2557 จำนวนประมาณ 110 ไร่ อีกทั้งการจัดการน้ำด้วยการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน โดยรัฐไม่มีหลักประกันใด ๆ ว่าจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมในหน้าฝนและการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งได้ ดังปรากกฎความล้มเหลวของกรมชลประทานในโครงการต่าง ๆ

​4.พวกเราในนามกลุ่มรักษ์น้ำงาว ซึ่งเป็นชุมชนชาวปกาเกอะญอในพื้นที่บ้านขวัญคีรีที่ได้รับการคุ้มครองตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ที่รัฐต้องดำเนินการคุ้มครองใน 5 ด้าน ได้แก่ อัตลักษณ์และวัฒนธรรมชาติพันธุ์ การศึกษา การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สวัสดิการ และสถานะบุคคล หากมีการดำเนินการโครงการดังกล่าวในพื้นที่ นอกจากจะเป็นการทำลายวิถีชีวิตชุมชนแล้ว ยังเป็นการไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตาม มติ ครม.3 สิงหาคม 2553 อีกด้วย

​5.พวกเราชุมชนปกาเกอะญอ ซึ่งมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในการดำรงอยู่อย่างสอดคล้องและสมดุลกับการจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการน้ำ ตามภูมิปัญญาดั้งเดิมในการทำฝายน้ำล้นหรือฝายมีชีวิตกว่า 100 ปีที่ผ่านมา ที่ชุมชนได้ร่วมกันจัดการและปรับปรุงฝายให้มีประสิทธิภาพในการใช้น้ำบริโภคอุปโภคในหน้าแล้งและหน้าฝนอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ชุมชน จึงไม่จำเป็นให้มีการก่อสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ทำลายชุมชนในพื้นที่แต่อย่างใด และหากชุมชนใด มีความต้องการเขื่อน ก็ควรไปนำโครงการนี้ไปสร้างในชุมชนนั้น เราขอประกาศว่า เราไม่ต้องการ “อ่างเก็บน้ำน้ำงาว” ในพื้นที่โดยเด็ดขาด

6.ในนามกลุ่มรักษ์น้ำงาว เครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ซึ่งได้ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ในการยื่นข้อเรียกร้องขอคัดค้านการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำงาวฯ ให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหา ดังปรากฏคำสั่งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ลงวันที่ 12 กันยายน 2562 ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการแก้ปัญหาของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างพีมูฟกับรัฐบาล เราจึงขอให้กรมชลประทาน ยุติการดำเนินการโครงการนี้เอาไว้ก่อน ทั้งนี้ เราขอเสนอในการแก้ปัญหานี้ โดยให้มีสถาบันทางวิชาการที่มีความเป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือทางสังคม มาศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบให้รอบด้าน รวมทั้งความคุ้มทุนของโครงการดังกล่าวและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์

ท้ายที่สุด กลุ่มรักษ์น้ำงาว ในนามเครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) เราจึงขอให้ท่านได้ยกเลิกการประชุมปฐมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำน้ำงาว ฯ ในวันนี้ โดยทันที.