‘เปลว สีเงิน’ ขยี้ ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ จัดหนัก ‘อดีตอธิการบดีมธ.’ เก็บอาการไม่อยู่ แยกชั่ว แยกดีไม่ได้

คอลัมนิสต์ชื่อดัง ‘เปลว สีเงิน’ เจ้าของคอลัมน์คนปากซอย ในหนังสื่อพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เขียนบทความเรื่อง “‘เฒ่าแอบจิต’ กับวาระ ‘ลงถนน'” เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ https://www.plewseengern.com/ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2562 โดยมีรายละเอียดดังต่อนี้
ดีใจกับ “คุณเปรมชัย” ด้วย!

หลัง “นอนคุก” หนึ่งคืน………

ในคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ก็ได้รับประกันตัวในชั้นฎีกาออกมาเมื่อวาน (๑๓ ธ.ค.๖๒)

ผมขอชื่นชมคุณเปรมชัย

ที่ “รู้ผิด-รู้ถูก” และทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม

เมื่อผิด…….

ก็ยอมรับโทษตามกระบวนการกฎหมายโดยสงบ

ไม่ถือว่ามีเงิน ก็ใช้เงินและสถานะสังคมแทรกแซง วางตนเหนือความผิด-ถูกทั้งปวง

ทั้งโวยวาย อ้างว่าไม่ผิด แล้วหมิ่นแคลนสถาบันยุติธรรม เหมือนบางคน เช่น ธนาธร, ปิยบุตร และนางสำปะแหลด เป็นต้น

ที่สำคัญ ในความเป็นนักธุรกิจใหญ่ระดับภูมิภาค

สังเกตเห็นได้แต่วันแรกที่คุณเปรมชัยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ปรากฏกิริยาขัดขืน หรือมีคำพูดจาใดในทางไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎหมายบ้านเมือง

มีเพียง ยิ้ม นิ่ง ยอมรับ

ผิดก็เข้าคุก ลบล้างคำว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ไปทันที!

คนธุรกิจระดับแสนๆ ล้าน ผิด..ยอมเข้าคุก

ไม่หนี ทั้งที่หนี “ง่าย” ดั่งพลิกฝ่ามือ ตรงนี้ ถือว่าเป็นคนมีเกียรติที่ผมนับถือ

คนทุกคน ทำผิดกันได้ แต่ไม่ทุกคน ที่ผิดแล้วยอมรับโทษในมาตรฐานทัดเทียมกันทางกฎหมาย

ชื่นชมคุณเปรมชัยในส่วนนี้ครับ!

ชื่นชมคุณเปรมชัยแล้ว ถือโอกาสให้กำลังใจ ส.ส.ปารีณาด้วย เธอเหมือนไก่ในฟาร์ม ที่วันหนึ่งมีแต่คนอุ้มเล่น

แต่มาอีกวันหนึ่ง……..

เมื่อทราบว่า ฟาร์มนั้น ตั้งอยู่ในที่ดินไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นพันไร่

เธอเลยเป็น “ไก่อบฟาร์ม” ไม่มีใครอยากอุ้ม มีแต่จ้องเอาส้อมจิ้ม…ฉีกเนื้อ

นั่นเป็นเรื่อง “กรรมใด-ใครก่อ” ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ

แต่ตรง “กระบวนการ” นี่แหละ ทำให้ผมนึกรัก ส.ส.ปารีณาขึ้นมาทันใด

เพราะเธอไม่โต้แย้ง “ด้วยตะแบง” ในด้านผิด-ถูก ด้วยถือดีในความเป็น ส.ส. ในความเป็นสมาชิกพรรครัฐบาลแต่อย่างใด

กรมป่าไม้ ส.ป.ก.ว่าผิดตรงไหน เธอก็รับ……

เขากางกฎหมายแล้วบอกอย่างไร เธอก็ยอมเดินไปตามบรรทัดกฎหมายนั้น

คุก…ก็คุก, ไม่คุก…ก็ไม่คุก ว่ากันไป

ส.ส.ปารีณาไม่เคยโวยวายให้สังคมระคายใจ-ระคายหู ทั้งไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเรียกร้องให้คนลงถนน เหมือนพวกหนังหนา-หน้าด้านบางคน บางพรรค ที่กำลังทำ

ก็เป็นกำลังใจให้นะ..ปารีณา

ผิดเป็นครู……..

แค่ครูก็ควรพอ ต่อไป อย่าต้องให้ถึงระดับดอกเตอร์ ด้วยผิดซ้ำซากอีกก็แล้วกัน!

พูดถึง “ลงถนน” เห็น ๑ หญิง ๒ ชาย “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” สุมฟืน สุมไฟมานาน

เมื่อวาน เห็นธรไลฟ์สด

“ถ้าทุกท่านรู้สึกทนไม่ไหว ไม่อยากทนกับสภาวะสังคมอีกต่อไป อยากจะมาร่วมกันเปลี่ยนแปลง ผมอยากเชิญชวนทุกคน วันที่ 14 ธ.ค.นี้พบกันเวลา 17.00 น.ที่สกายวอล์ก ปทุมวัน นี่คือเวลาที่เราต้องส่งเสียงของประชาชนให้ดัง ให้ผู้มีอำนาจได้ยิน ถ้าท่านเห็นด้วยกับผมว่าพวกเราประชาชนต้องลุกขึ้นสู้ ทวงคืนความชอบธรรม ความเสมอภาคทางสังคมกลับคืนมา เจอกัน”

แล้วยังทำตัวเป็นไอ้ตี๋เหิม โพสต์ด้วยใช้คำว่า

“ถึงประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ

กระดาษหนึ่งใบ พร้อมข้อความถึงผู้ที่ครองอำนาจอยู่ ณ ห้วงเวลานี้

พรุ่งนี้ เสาร์ที่ 14 ธันวา พบกันที่สกายวอล์ก หน้าหอศิลป์”

ธรยกตัวเป็นคนรุ่นใหม่………

แต่ดันลอกบทกวีคนรุ่นเก่ามาหากิน โดยยกกวี “จิตร ภูมิศักดิ์” ในบท “หนทางพิสูจน์ม้า และเวลาพิสูจน์คน ใครถอยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา” ใช้ปลุกระดมคนลงถนน

“น้องมุดของธรอยู่ไหน?”

ที่เก่า เวลาเก่า และราคาเก่า อย่าลืมนะ!

โธ่เอ้ย…ธร ถามจริงๆ เถอะ ไม่ขยะแขยงตัวเองบ้างรึไง?

คำว่า “รู้สึกทนไม่ไหว” น่ะ เป็นคำที่ชาวบ้านขณะนี้ เขาใช้เรียกพวกธนาธรมากกว่า

ทั้งหมดเนี่ย ทั้งถือหุ้นสื่อตามกฎหมายห้ามคนเล่นการเมืองถือ ทั้งเรื่องออกเงินกู้ให้พรรคที่กฎหมายห้าม

ธรทำเอง เพื่อประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น………

เมื่อถูกกฎหมายลงโทษ

ดันเสือกอ้างถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำไม่ให้มีที่ยืน แล้วเรียกงั่งมาตรฐานเดียวกันให้ออกไปตายให้

ร่างกายอยากปะทะแก๊สน้ำตามากใช่มั้ย?

ฉะนั้น เย็นนี้ ทั้งธร ทั้งปิยบุตร ทั้งช่อ ทั้ง ๓ คน ต้องยืนเรียงแถวนำหน้าเลยนะ

นี่…เพจ Dandee เขาว่าอย่างนี้ จริงมั้ย ลองอ่านดูซิ?

ป่วนใหญ่แล้วลัทธิชังชาติดิ้นอลเวงกันอย่างหนัก

…..สถานการณ์ในลัทธิชังชาติประชาธิปไตยสุดโต่งตอนนี้ ฝุ่นตลบป่วนอลเวงอย่างหนักมากๆ

วันที่ 12 ธ.ค.62 ช่วงค่ำ ทั่นผู้นำฮิตเลอร์และชนชั้นสูงในค่ายเด็กเลี้ยงแกะเรียกประชุมผู้แทนวิเคราะห์ทิศทางหากค่ายโดนยุบ แต่มีผู้แทนยอมมาประชุมด้วยนิดเดียว

…ที่เหลือบอกจำไม่ได้ว่าหัวหน้าเป็นใครเลยไม่ยอมมา แว่วว่าบรรยากาศถกเถียงทะเลาะกันไปมาอยู่นานจนเดือดพล่าน

ทั่นผู้นำโซเชียลบังคับให้ทุกคนลงถนน แต่ที่ประชุมก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย และมีการประเมินกันว่า จะมีผู้แทนค่ายเด็กเลี้ยงแกะย้ายตามไปตั้งค่ายใหม่เพียง 10% เท่านั้น อีก 90% จะไป “วิ่ง-ซบ-ลุง”

…..ทั่นผู้นำโซเชียลโมโหมาก จึงตัดสินใจลุยเดี่ยวชังชาติก่อม็อบวันที่ 14 ธ.ค.62 ช่วงเย็นแยกกลางเมือง

เพราะตรงนั้น

บริษัทน้ำอัดลมยี่ห้อดังเขาจัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลกดูฟรีในห้างใหญ่ตรงนั้น

ลัทธิชังชาติก็เลยจะไปก่อม็อบแปะเขา อ้างเคลมดื้อๆ ว่าวัยรุ่นที่มาดูงานดนตรีทุบสถิติโลก คือมาม็อบตนเอง อ้างดื้อๆ กันแบบนี้แหละ

…อีกปัจจัยเพราะเตรียมชายชุดดำก่อความรุนแรงกลางม็อบพร้อมแล้วจะเลื่อนนัดไม่ได้ แต่แว่วว่าจะไม่มีผู้แทนค่ายนี้ยอมขนม็อบมาช่วย

เพราะคราวจัดม็อบ “อยู่ไม่เป็น” ครั้งก่อน ผู้แทนค่ายนี้ก็พากันหายหัวเรียบไปหมดไม่ยอมโผล่มา เพราะรู้ตัวว่าจะถูกหลอกเป็นเหยื่อความรุนแรง

…แผนชังชาติถัดไปคือถ้าม็อบวันที่ 14 ธ.ค.62 แป้ก ชาวบ้านรู้ทันว่าจะพามาตาย

แผนถัดไปคือวันที่ 16-17 ธ.ค.62 ทั่นผู้นำโซเชียลได้สั่งระดมแกนนำต่างจังหวัดทั่วประเทศขนม็อบมาที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อพลีชีพปกป้องทั่นผู้นำโซเชียลที่โดนคดีเรื่องส่วนตัว และคาดว่า จะมีสนิมต่างจังหวัดจำนวนมาก เบี้ยวนัดนี้อีกแหละ

…และขณะนี้ สำนวนยุบค่ายเด็กเลี้ยงแกะใช้เวลาเดินทางจากมติ กกต.วันที่ 11 ธ.ค.62 ถึงศาลเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.62

ศาลจะพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้ตัดสินหรือไม่อย่างไรเป็นดุลยพินิจของศาล คนไทยรักชาติทุกคนยอมรับได้

แค่คาดว่าลัทธิชังชาติจะดิ้นป่วนหนักขึ้นแบบพวกใกล้สิ้นลม

รักประเทศไทยไม่แก้รัฐธรรมนูญ

https://twitter.com/consernews113

สำหรับธนาธร ก็พอเข้าใจ ว่าที่ทำมาโดยตลอด นั่นไม่ใช่ไม่รู้ผิด-รู้ถูก

หากแต่ “เจตนา-จงใจ” เป็นหนึ่งในยุทธวิธีปูทางสู่การลงถนน เพื่อ “สร้างสถานการณ์” ในประเทศ ตามแผนที่ได้รับมา

สถานการณ์สู่การสร้างเงื่อนไข

เพื่อการสอดแทรกของใครบางพวก-บางกลุ่ม สู่การต่อรองเพื่อประเทศไทย “จำยอม” ในกิจบางประการ

ไอ้แก๊งนี้มันซ่าได้แค่ตอนเปิดขวดใหม่ๆ เท่านั้น เดี๋ยวก็จ๋อย

แต่ไอ้นี่ซี เรียนก็มาก รู้ก็มาก เคยเป็นถึงอธิการบดีธรรมศาสตร์

แก่จะตายแล้วด้วยซ้ำ แต่แยกชั่ว-แยกดีไม่ได้ ดูมันโพสต์ซี

นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

A long history and the end of Ayutthaya

สรุป เกมนี้ยาว ถ้าจบด้วย ‘สันติประชาธรรม’ ไม่ได้

ก้อจะเปนกาลกาลียุค ดัง เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา

โปรดตั้งสติ อ่าน ดู และฟัง ครับ

แก่เจ้าเล่ห์เป็นแบบไหน ก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง อันเพลงยาว “พยากรณ์กรุงศรีอยุธยา” นั้น

คนทั่วไป ไม่ค่อยรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

แต่เมื่อเปิดดูและฟังตามที่ชาญวิทย์แนบโพสต์ แค่ฟังขึ้นต้นก็รู้ทันใด ว่าชาญวิทย์เจตนาให้หมายไปถึงใครใน A long history and the end of Ayutthaya

มากไปแล้วนะ ชาญวิทย์………..

เป็นผู้ใหญ่ระดับอดีตอธิการบดี ถึงเก็บอาการ เก็บจริตเก็บแอบจิตไม่ได้ ก็ไม่บังควรทำถึงขนาดนี้

ที่จะลงถนน ถ้ามี

ก็ลงมากระทืบไอ้คนแบบนี้แหละ!

ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก : https://www.plewseengern.com/