อ่านกระดานแบบขาดไปเลย ‘จตุพร’ ฟันธง รัฐบาลอยู่ไม่ถึงกลางปี 63 จับตา ‘3 ย.’ ทางเลือกที่หนีไม่ออก

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงสถานการณ์เผชิญหน้าของ 2 ฝ่ายคือฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลตั้งเวทีปลุกคนต่อต้านพวกชังชาติกับฝ่ายนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจและพรรคอนาคตใหม่

“สถานการณ์การเคลื่อนไหวเผชิญหน้ากันเช่นนี้สะท้อนถึงบ้านเมืองไปไม่ได้และรัฐบาลชุดนี้คงอยู่ได้ไม่นานไม่น่าถึงกลางปี(2563) แน่”

สำหรับการชุมนุมของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เมื่อวานนี้(14 ธ.ค.) นายจตุพรแนะนำว่าการชุมนุมในครั้งต่อไปต้องมีความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะการชุมนุมแบบต่างคนต่างไปมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซง และทำให้เกิดการสร้างสถานการณ์ได้ง่ายดายมากแล้ว จากนั้นจะถูกลากให้สถานการณ์ไปสู่จุดอื่นหรือจะกลายเป็นเรื่องอื่นทันที

นายจตุพร ยกการชุมนุมของนปช.มาอธิบายการถูกแทรกแซงและสร้างสถานการณ์ว่าเมื่อนปช.ชุมนุมนานเข้าก็เกิดการแทรกแซงถูกสร้างสถานการณ์โดยแปลงจากชุมนุมด้วยสันติวิธีมาเป็นขบวนการก่อสถานการณ์รุนแรง จนนำไปสู่การสร้างความชอบธรรมให้ปราบปรามสังหารประชาชนจำนวนมาก 

“การชุมนุมจากคนหลายแสนคนเมื่อถูกแทรกแซงจนสร้างสถานการณ์นั้น มันนำพาไปสู่เรื่องราวต่างๆมากมายจึงขอให้ระวังจะถูกสร้างสถานการณ์ได้ และเตรียมรับมือไว้เพราะเมื่อรุกฝ่ายเดียวอีกฝ่ายไม่ลงมือแล้ว ยังมีเวทีพวกชังชาติอีกมันสะท้อนว่ารัฐบาลไปไม่ได้จึงต้องมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น”

รวมทั้งย้ำว่าเมื่อรัฐบาลไม่มีวี่แววฟื้นเศรษฐกิจได้จึงต้องมีอันเป็นไปโดยมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ 2 ฝ่ายเป็นตัวเร่งให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งท่ามกลางบรรยากาศประชาชนเดือดร้อนทางเศรษฐกิจอย่างสาหัสไม่มีที่ระบายออก จึงผลักดันให้มารวมตัวกับนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่

“การตั้งเวทีของนายธนาธรประกอบกับพรรคฝ่ายรัฐบาลตั้งเวทีพวกชังชาติมาเผชิญหน้าและพรรคอนาคตใหม่ถูกกล่าวหาเป็นขบวนการชังชาติ ดังนั้นบรรยากาศการเผชิญหน้าแบบนี้บอกถึงสถานการณ์หนีกันไม่ออก อีกทั้งนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นับต่อจากนี้ต้องเจออีกหลายดาบทำลายจากอีกฝ่ายหนึ่ง”

นายจตุพรกล่าวว่านายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่มีอย่างน้อย4 ดาบที่ต้องเจอดาบแรกคือพ้นสมาชิกภาพส.ส. ซึ่งนายธนาธรเจอไปแล้ว ดาบที่สองเป็นผลต่อเนื่องคือถูกร้องคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งที่ระวางโทษ1-10 ปีตัดสิทธิการเมืองถ้าเต็มที่20 ปีดาบนี้คงรอดยากส่วนดาบที่สามคือยุบพรรคกรณีเงินกู้ 

ดาบที่สี่พรรคอนาคตใหม่ถูกร้องเรียนล้มล้างการปกครองที่นายณัฐพร โตประยูร ไปยื่นไว้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ5 ต่อ4 รับเรื่องรับไว้พิจารณาย่อมทำให้คิดได้ไม่ยากว่าผลจะเป็นอย่างไรตนเชื่อว่าไม่รอด ดังนั้นกรรมการบริหารพรรคและอนาคตใหม่ต้องเผชิญกับ 4 ดาบนี้ส่วนตัวของนายธนาธร จะมากกว่าคนอื่น 

ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นสถานการณ์ที่เดินทางไปเร็วอย่างมากเมื่อผสมกับแก้รัฐธรรมนูญไม่มีทางแก้ได้สำเร็จ เพราะการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษานั้นอธิบายได้ว่าผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้แก้ไข อีกทั้งการตัดอำนาจส.ว. จึงไม่มีทางให้กลุ่มคนเหล่านี้มาร่วมแก้รัฐธรรมนูญได้  ดังนั้นสถานการณ์แก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นเพียงการระบายอารมณ์เท่านั้น แต่ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น 

“เมื่อแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ผสมกับเศรษฐกิจก็แก้ไม่ได้คนมีความอึดอัดทั้งหมด ถ้าวิเคราะห์กับแบบกระดานขาดไปเลยจำปากผมไว้อยู่ใน3 ข้อคือไม่ยุบสภาก็ยึดอำนาจหรือก็โยกอำนาจส่วนการสลับตัวไม่ใช่หนทางแน่”

นายจตุพรกล่าวถึงความเชื่อมั่นในการวิเคราะห์ดังกล่าวว่าเพราะฝ่ายรัฐบาลมีปัญหาแตกแยกภายในกันอย่างรุนแรงขณะเดียวกันพรรครัฐบาลไปตั้งเวทีปลุกระดมคนต่อต้านพวกชังชาติสถานการณ์แบบนี้บ้านเมืองไปไม่ได้ 

“สถานการณ์แบบนี้ไม่ต้องอธิบายกันยาวนานผมบอกได้ว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ถึงกลางปี(2563) แน่นอนเพียงแต่ว่าเขาต้องการจะเลือกเล่นเกมไหนกัน” 

ส่วนมีคำถามว่าตนจะว่าอย่างไรในสถานการณ์ที่รัฐบาลไปไม่ได้เช่นนี้นายจตุพรกล่าวว่าต้องขอเรียนว่าใจเย็นๆตนติดตามประเมินสถาการณ์อย่างเต็มที่เพราะรู้ว่ารัฐบาลชุดนี้ไปไม่ได้อยู่แล้ว

“ในวันที่27 ธันวาคม2562 ตั้งแต่ช่วงเที่ยงเป็นต้นไปทางพีซทีวีจะมีการจัดงานปีใหม่สังสรรค์กันระหว่างพี่น้องเราในวันดังกล่าวผมจะวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองฉบับเต็มเป็นของขวัญส่งพี่น้องเฉลิมฉลองในวันปีใหม่ขอเชิญมาร่วมกัน” นายจตุพรทิ้งท้าย