‘หมวดเจี๊ยบ’ รุดยื่นกมธ.ต่างประเทศ จี้ถามรัฐบาลกำหนดวัน-เวลา เคลื่อนย้ายคนไทยออกจากอู่ฮั่น

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย  เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่าเมื่อวันที่ 30 ม.ค. เจี๊ยบได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร(หรือกมธ. การต่างประเทศฯ) เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนในการพาอพยพคนไทยในนครอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยของสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับประเทศไทยเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าค่ะ

สาเหตุที่ต้องยื่นเรื่องต่อกมธ. การต่างประเทศฯในครั้งนี้ก็เพราะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศของไทยยืนยันว่า” ..ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอนในการพาคนไทยกลับประเทศและปฏิเสธว่าคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศว่าจะอพยพคนไทยได้ภายในวันที่4 ก.พ. 63 นั้นเป็นเพียงการคาดการณ์ไปเองของรัฐมนตรีท่านนี้แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทยยังไม่ทราบเรื่องกำหนดการดังกล่าว..”

ซึ่งประโยคท่อนบนนี้เป็นคำชี้แจงจากปากของท่านรองอธิบดีกรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเช้านี้ซึ่งทุกถ้อยคำของท่านรองอธิบดีฯได้ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในยันทึกการประชุมของกมธ. การต่างประเทศฯ 

ดังนั้นเจี๊ยบจึงยิ่นเรื่องขอให้กมธ. การต่างประเทศตรวจสอบความชัดเจนในเรื่องวันเวลาอพยพว่าเป็นอย่างไรกันแน่เพราะข่าวที่ออกมาได้ทำให้คนไทยในนครอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยเกิดความหวังว่าจะได้กลับบ้านแล้วภายในวันที่4 ก.พ. นี้แต่หน่วยงานหลักในการเคลื่อนย้ายประชาชนคือกระทรวงการต่างประเทศของไทยกลับบอกว่ายังไม่ทราบว่าจะอพยพได้วันไหนตกลงคนไทยจะได้กลับวันไหนกันแน่แล้วคนในรัฐบาลประยุทธ์เอาที่ไหนมาพูดว่าอพยพได้ไม่เกินวันที่4 ก.พ.63

ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชาอย่าแค่พูดลอยๆว่าจะพาคนไทยออกจากอู่ฮั่นวันไหนก็ได้เพราะผู้อพยพต้องวางแผนการเดินทางไปยังจุดนัดพบถ้าจะมีการอพยพจริง  เนื่องจากการเดินทางภายในนครอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยถูกตัดขาดทั้งหมดจะได้มีเวลาเตรียมการซึ่งกระทรวงการต่างประเทศระบุว่ายอดรวมของคนไทยในอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยเพิ่มชึ้นเป็น161 คนแล้วไม่ใช่แค่64 คนเพราะมีคนลงทะเบียนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ก็ขอให้กมธ. การต่างประเทศฯ  ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องขั้นตอนการเดินทางกลับไทยของคณะนายทหารเรือ20 นายโดยขอให้ตรวจสอบบันทีกการเดินทางเข้าออกนอกประเทศด้วยเพราะที่ผ่านมามีเพียงคำชี้แจงปากเปล่าโดยไม่มีเอกสารหลักฐาน 

ทั้งนี้เพื่อให้สังคมสบายใจว่ารัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้ช่วยพาทหารกลับไทยก่อนพลเรือนเพราะรองอธิบดีกรมการกงสุลของไทยก็ยืนยันค่อกมธ. การต่างประเทศฯว่าช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจีนเข้มงวดกับผู้ที่เดินทางออกจากนครอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยมากใครก็ตามที่เกินจากออกจากพื้นที่ดังกล่าวต้องถูกกักตัว14 วัน  ทุกคนเพื่อตรวจสอบว่าได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือไม่ 

แล้วเหตุใดคณะนายทหารเรือไทยจึงกลับถึงไทยได้ตั้งแต่วันที่26 ม.ค63 ที่ผ่านมาเหตุใดจึงไม่ถูกกักตัว14 วันตามมาตรการของจีนหากไม่ใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตจะเดินทางออกมาได้อย่างไร 

แต่การที่ทหารเรือไทยกลับประเทศอย่างปลอดภัยถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพียงแต่สังคมสงสัยเฉพาะในส่วนของแนวทางการให้ความช่วนเหลือของรัฐบาลประยุทธ์เท่านั้น

จึงขอให้กมธ. ต่างประเทศตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าเรื่องการอพยพคนไทยกลับจากจีนและเร่งบรรจุประเด็นนี้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของคณะกรรมาธิการฯโดยเร่งด่วนเพราะเป็นประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนและสื่อมวลชน.

ซึ่งเจี๊ยบต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษที่คณะกรรมาธิการฯทั้ง3 ท่านให้เกียรติลงมารับหนังสือของเจี๊ยบด้วยตนเองนะคะไม่ว่าจะเป็นส.สศราวุธเพชรพนมพรจสกจังหวัดอุดรธานีส.ส. ธีรรัตน์สำเร็จวาณิชย์จากเขตลาดกระบังก.ท.ม. และส.ส. จักรพลตั้งสุทธิธรรมจากจ.เชียงใหม่ซึ่งทั้ง3 ท่านเป็นผู้แทนราษฏรจากพรรคเพื่อไทยน่าภูมิใจในผู้แทนรุ่นหนุ่ม-สาวของเราจริงๆค่ะ.