ภูมิใจประเทศไทยสุดเจ๋ง นักวิชาการเปิด 4 เรื่องดีจากไวรัสโคโรน่า

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์นิด้าโพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้

“โคตรภูมิใจ” นั่นมาจากฟีลลิ่งล้วนๆ 

แต่โพสต์นี้เอาหลักฐานความเจ๋งของระบบสาธารณสุขของไทยมาให้ดูกันเต็มๆครับ

นี่คือตารางอันดับGlobal Health Security Index 2019 หรือดัชนีความปลอดภัยทางสาธารณสุขของประเทศต่างๆโดยสำรวจมากถึง195 ประเทศทั่วโลกซึ่งองค์กรที่ร่วมทำการจัดอันดับก็คือศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยJohns Hopkins ที่มีชื่อเสียงระดับโลกดังนั้นการสำรวจนี้เชื่อถือได้แน่นอน

ถ้าท่านลองดูตารางแรกแล้วเห็นอะไรบ้าง? ผมเห็นอย่างน้อย4 ข้อคือ

1. ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยทางสาธารณสุขเป็นอันดับ6 ของโลกในคะแนนรวมได้คะแนน73.2 / 100 (ห่างจากที่2 คืออังกฤษแค่4 คะแนน) ซึ่งอันดับที่1-13 นั้นถูกจัดอยู่ในประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุด(Most Prepared) 

2. ไทยเป็นประเทศอาเซียนเพียงประเทศเดียวในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุดและเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียเหนือกว่าเกาหลีใต้ญี่ปุ่นจีนสิงคโปร์ 

3. ไม่ใช่แค่อันดับหนึ่งในเอเชียแต่ไทยยังมีคะแนนสูงกว่ามหาอำนาจหลายประเทศที่คนทั่วไปเรียกว่าเป็นประเทศเจริญแล้วไม่ว่าจะเป็นเยอรมนีสวิตเซอร์แลนด์สวีเดนฟินแลนด์และอื่นๆ

4. ไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุดที่มีเศรษฐกิจปานกลางถึงสูงประเทศอื่นในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุดนั้นเป็นประเทศในกลุ่มรายได้สูงทั้งสิ้น(ซึ่งก็หมายความว่าในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางถึงสูงไทยเป็นอันดับหนึ่งของโลก) 

แต่ยังไม่หมดแค่นั้นถ้าลองดูกันในรายละเอียดประเทศไทยไม่ได้อยู่แค่อันดับ6 เท่านั้นแต่ไทยเราเป็นที่1 ของโลกด้วยซ้ำแบบ100 คะแนนเต็มเลยถึง11 ด้านจาก34 ด้าน(เกือบหนึ่งในสาม) นั่นคือ

1. ความปลอดภัยทางชีวภาพ

2. การฉีดวัคซีน

3. ระบบห้องแล็บปฏิบัติการ

4. การบูรณาการข้อมูลระหว่างภาคส่วน

5. การประสานกันระหว่างระบบสาธารณสุขกับหน่วยงานด้านความปลอดภัย

6. การสื่อสารความเสี่ยง

7. การเข้าถึงการรักษาพยาบาล

8. การสื่อสารกันระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงวิกฤตทางสาธารณสุข

9. ความสามารถในการทดสอบและอนุมัติการดำเนินการตอบโต้ทางการแพทย์(พิสูจน์ด้วยการคิดค้นวิธีการรักษาไวรัสโคโรน่าได้เป็นประเทศแรกๆของโลก)

10. การดำเนินการตามระเบียบสาธารณสุขนานาชาติและการมีแผนลดความเสี่ยงการเกิดวิกฤต

11. การมีข้อตกลงข้ามพรมแดนด้านการตอบโต้ทางการแพทย์ในภาวะวิกฤต

และแถมคือการดำเนินการตอบโต้ในภาวะวิกฤตเราเป็นอันดับสองของโลกการมีแผนด้านการเตรียมความพร้อมและการตอบโต้ในภาวะวิกฤตเราเป็นอันดับสามของโลก

ถ้าท่านอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะรู้สึกว่าการที่ไทยเรารับมือไวรัสโคโรน่าได้ดีจนทั่วโลกต้องทึ่งนั้นไม่ใช่เรื่อง”บังเอิญ” เลยสักนิดเดียวแต่เป็นศักยภาพและความสามารถของระบบสาธารณสุขไทยความเก่งของบุคลากรทางทางแพทย์ของประเทศไทย

มาร่วมภูมิใจกับ”ความเจ๋ง” ของประเทศไทยด้วยกันครับ