‘จ่าประสิทธิ์’ คุกอีกแล้ว รอบนี้โดน 2 ปีไม่รอลงอาญา คดีครอบครองเสื้อเกราะ-หมวกนิรภัยปราบจราจล

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 15, 42 และรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357

โดยคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือน เมษายน 2553 เจ้าหน้าที่ ตรวจค้นรถจำเลย พบมีเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกนิรภัยปราบจราจลซึ่งเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์โดยมิได้รับอนุญาต ที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าทหารปฏิบัติการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. และขณะที่ ส.อ.ชนะยุทธ คมสาคร สังกัดกองทัพภาค 1 กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มีคนร้ายมากกว่า 3 คนขึ้นไปร่วมกันใช้คันธงยาว 1 เมตร ตีประทุษร้ายและแย่งชิงหมวกนิรภัยปราบจลาจลราคา 3,745 บาท ที่ ส.อ.ชนะยุทธ ไปโดยทุจริต เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย เหตุเกิดที่แขวง – เขตดุสิต กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

คดีนี่้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2561 ให้จำคุก จ.ส.ต.ประสิทธิ์ จำเลย ฐานรับของโจร เป็นเวลา 1 ปี และจำคุกฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 เป็นเวลา 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา

วันนี้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ จำเลย เดินทางมาศาลพร้อมภรรยา ต่อมาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว พฤติการณ์ของจำเลยเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ซึ่งหมวกนิรภัยและเสื้อเกราะที่จำเลยรับไว้นั้น ได้มาจากการแย่งชิงจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ จำเลยไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันตัวตามที่อ้าง อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา

จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาว่าจะขอสู้คดีในชั้นฎีกาต่อ โดยเตรียมหลักทรัพย์มา 7 แสน เพื่อขอประกันตัว

สำหรับประวัติของ จ.ส.ต.ประสิทธ์ ข้อมูลในวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ระบุว่าวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ได้กล่าวข้อความหมิ่นสถาบันฯ ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และรายงานการสืบเสาะ แล้วเห็นว่า ข้อความที่ปราศรัย เป็นเรื่องร้ายแรง ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2ปี 6เดือนในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วันที่ 24 พ.ค. 2557 หลังการรัฐประหารก่อนหน้านั้น 2 วัน จ.ส.ต.ประสิทธิ์ละเมิดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 5/2557 โดยไม่ยอมไปรายงานตัวที่หอประชุมกองทัพบกเทเวศน์ ในวันเดียวกัน เวลา 13.00 น. แต่ไปรายงานตัวที่ จทบ.ส.ร./กกล.รส.ประจำพื้นที่ จ.สุรินทร์ ทางตำรวจได้ดำเนินคดีตามหมายจับ สน.โชคชัย ที่ 912/2557 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557

ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2559 หลังการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในปีนั้น จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ได้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง โดยเข้าไปเป็นพิธีกรรายการ “เพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทาง พีซทีวี ช่วงเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการวิพากษ์เรื่องราวทางการเมืองไทยในหลายมิติ.