‘ณัฐวุฒิ’ เคลียร์ชัดเจน!หลังสังคมกังขา ไม่เคยติดคุกเหมือนเพื่อนแกนนำนปช.คนอื่น

ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเปด็จการแห่งชาติ(นปช.) เปิดเผยถึงกรณี ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีบุกบ้านสี่เสาเทวศร์ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า “วันนี้พวกผม 4 คน ซึ่งเป็นจำเลยที่ 4-7 ในคดีนี้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ปรากฏว่า มีบันทึกในสำนวนของศาลว่า ไม่สามารถออกหมายเรียกจำเลยที่ 1 ได้ ทั้งนี้อัยการซึ่งเป็นโจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า ไม่สามารถที่จะพาตัวจำเลยมารับฟังคำพิพากษาได้ เนื่องจากปรากฏหลักฐานจากพนักงานไปรษณีย์ว่าจำเลยได้ย้ายที่อยู่ แล้วก็ยังไม่ทราบที่อยู่ใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้การอ่านคำพิพากษาในวันนี้ ดำเนินการต่อไม่ได้

ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้ใหม่ เป็นวันที่ 30 เมษายนนี้

อย่างไรก็ตาม ศาลได้สอบถามว่า ในคดีนี้ใครเป็นนายประกันจำเลยที่ 1 (นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล)ทางทนายความและตัวผมก็ได้แถลงต่อศาลว่า นายประกันของจำเลยที่ 1 คือคุณสิริสกุล ใสยเกื้อ ซึ่งเป็นภรรยาของผม

ศาลท่านบอกว่า โดยหลักการเป็นหน้าที่ของนายประกันที่จะต้องนำตัวจำเลยมารับฟังคำพิพากษา ผมก็ได้กราบเรียนไปในข้อเท็จจริงนะครับว่า ตัวคุณสิริสกุล ไม่ได้เคยรู้จักมักคุ้นเป็นการส่วนตัวกับจำเลยที่ 1 มาก่อน แม้กระทั่งพวกผมก็ตาม เราไม่ได้มีความใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์ร่วมกิจกรรมกิจการใดๆ ทั้งในชีวิตประจำวัน หน้าที่การงาน หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวทางการเมือง

ตอนที่เกิดเหตุการณ์การเคลื่อนตัวจากท้องสนามหลวงไปที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศวร์ก็ไปกันคนละคราว คุณนพรุจมาปรากฏตัวในการชุมนุมภายหลัง นี่ล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

สำหรับเหตุที่นายประกัน(สิริสกุล ใสยเกื้อ) ยื่นขอประกันตัวคุณนพรุจด้วยเพราะว่าวันฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งศาลตัดสินจำคุกจำเลยทั้งหมด คุณนพรุจบอกว่ายังไม่มีนายประกัน ยังไม่มีหลักทรัพย์ในการประกันตัว พวกผมทั้งหมดก็ช่วยๆ กันนี่ล่ะครับ เพื่อที่จะประกันตัวออกไปด้วยกัน เพราะในสถานการณ์แบบนั้น ถ้าพวกผม 4 คนประกันตัวเองออกไปโดยที่คุณนพรุจไม่ได้ประกันตัว ไม่มีนายประกัน ไม่มีหลักทรัพย์ ก็เป็นเรื่องที่เรายอมรับไม่ได้

หลังจากมีการยื่นประกันตัวดังกล่าวก็ไม่ได้มีการติดต่อ ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กันอีก จนในที่สุดมาวันนี้ ศาลท่านก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของนายประกันซึ่งเราก็น้อมรับล่ะครับ เป็นแต่เพียงว่ามันสุดวิสัยที่นายประกันจะไปตามตัวคุณนพรุจมาได้

ศาลท่านรับฟังนะครับ แล้วก็ได้พิจารณาว่าจะต้องปรับนายประกันในกรณีดังกล่าวหรือไม่ สุดท้ายท่านก็ให้ความเมตตาครับ ไม่มีคำสั่งปรับนายประกัน แล้วก็ให้เจ้าพนักงานอัยการในฐานะโจทก์ดำเนินการตามกระบวนการที่จะนำตัวจำเลยที่ 1 มารับฟังคำพิพากษา โดยเริ่มต้นจากการสอบหาที่อยู่ใหม่ของคุณนพรุจต่อไปครับ’

ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่านายณัฐวุฒิยังไม่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเพราะมีเงื่อนไขแตกต่างจากคนอื่นอย่างไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ‘เรื่องนี้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เมื่อถามผมก็จะเล่าให้ฟังว่า จริงๆ ผมติดคุกก่อนพรรคพวกครับ เข้าเรือนจำตั้งแต่ปี 2550 จากคดีนี้ หลังจากนั้นก็ถูกจองจำอยู่อีก 9 เดือนจากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 นับแต่วันยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 นั่นคือวันที่ผมสูญสิ้นอิสรภาพ

ดังนั้น อย่างที่ท่านสื่อมวลชนถามว่าอาจจะมีบางท่านตั้งข้อสังเกตว่า ผมเป็นคนที่ไม่เคยถูกจองจำเลย ไม่เป็นความจริงนะครับ จริงๆ ผมโดนก่อนเพื่อน แล้วก็โดนมาในระยะเวลาที่ไม่ได้น้อยกว่าใครนะครับ’