‘เอนก’ แนะคนไทยแบ่งรับความเศร้าสลดเสียใจของครอบครัวที่สูญเสีย อย่ารีบไปวิเคราะห์วิจารณ์อะไร

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ภาคีสมาชิกราชบัณฑิต และรองอธิการบดีมรังสิตโพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้

ถ้าเราเป็นเพื่อนเป็นคนในครอบครัวเราคงตกใจและเสียใจกันเป็นที่สุดกับผู้เสียชีวิตในไม่กี่ชั่วโมงถึง30 คนด้วยฝีมือของจ่าทหารคนเดียวเหตุการณ์  “วิปริต” ที่โคราชเมื่อวันที่8 กพ2563 ที่ผ่านมานี้สมควรเป็น“วันเสาร์สีดำ” ของชาติโดยแท้ในฐานะคนที่รักและภูมิใจในคนไทยด้วยกันผมไม่เคยคิดเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้พบกับอะไรที่วิตถาร-วิปริตน่าเศร้าสลดเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไรที่จ่าทหารคนหนึ่งที่แค้นเคืองเรื่องส่วนตัวกราดยิงเพื่อนร่วมชาติญาติร่วมแผ่นดินมากมายเข่นฆ่าทั้งทหารด้วยกันทั้งยิงชาวบ้านแม้เด็กเล็กอย่างโหดร้ายยิงเพียงเพราะอยากยิงฆ่าเพียงเพราะอยากฆ่าน่าเศร้ายิ่งขึ้นที่มีผู้ที่เสียชีวิตกัน“ยกครัว” เลยคือสามีภรรยาและลูกตายหมดใครบ้างจะคิดว่าทหารคนหนึ่งซึ่งควรเสียชีพเพื่อปกป้องชาติและประชาชนกลับใช้อาวุธหนักของกองทัพไปผลาญชีวิตของคนไทยผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างมากมายในชั่วพริบตาได้เช่นนี้ 

ในภาวะเช่นนี้ผมจะไม่วิเคราะห์หรือวิพากษ์วิจารณ์อะไรแต่จะเสนอว่าเราทั้งชาติต้องไปแบ่งรับความเศร้าสลดเสียใจของญาติมิตรพ่อแม่ลูกหรือสามีหรือภรรยาของผู้เสียชีวิตมาเป็นของเราด้วยพวกเขาต้องไม่ว้าเหว่ร่ำไห้อยู่ตามลำพัง  เป็นไปได้ไหมที่จะให้เกียรติและแสดงความเศร้าโศกด้วยการลดธงชาติลงครึ่งเสาร์สักหนึ่งวันสักสามวันเป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพงานศพของทุกท่านที่เสียชีวิตเป็นไปได้ไหมที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะลุกยืนขึ้นสงบนิ่งสักสามนาทีแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและแสดงความเคารพด้วยควรไหมที่รัฐบาลจะสงเคราะห์ครอบครัวที่เหลืออยู่ของผู้วายชนม์ให้เหมาะสมจะดีไหมที่ประชาชนทั้งจังหวัดนครราชสีมาหรือทั่วทั่วประเทศจะออกมากันมาแสดงความห่วงใยออกมาแบ่งรับเอาความทุกข์ของครอบครัวผู้จากไปอาจจะมีการรณรงค์จุดเทียนในตอนกลางคืนก็ได้เพื่อระลึกถึงผู้วายชนม์พร้อมกับชวนกันตั้งสติรำลึกว่าสังคมไทยเราณบัดนี้มีอาการ“เจ็บป่วย” ทางจิตใจเสียแล้วเราจะต้องประณามความรุนแรงกันต้องตั้งใจที่จะปลูกสร้างคุณธรรมขึ้นมาใหม่ให้หลีกเลี่ยงการใช้กำลังและความรุนแรงระงับความคับแค้นความอาฆาตพยาบาทรักและหวงแหนชีวิตของผู้อื่นสรุปว่าต้องช่วยกันเอาประเทศไทยที่“ดีงาม” ที่ใฝ่สันติแก้ปัญหาอย่างสันติกลับคืนมาให้ได้ให้กรณีวิปริตแบบที่โคราชนี้จบลงแค่ครั้งนี้