‘บิ๊กแดง’ น้ำตาคลอแถลงขอโทษ-เสียใจเหตุการณ์กราดยิงโคราช วอนอย่าด่าทหาร ให้ด่าผมในฐานะผู้บังคับบัญชา

ขอบคุณรูปภาพจาก www.naewna.com

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2563 เวลา 09.00 น. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ. ) แถลงทั้งน้ำตา พร้อมกล่าวคำขอโทษและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงข้าราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารที่ต้องเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่จากเหตุจ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดค่ายสุธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา โดยมีข้อสรุปดังนี้

1.ขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อญาติผู้เสียชีวิต จากการที่ทหารในสังกัดกองทัพบกเป็นผู้ก่อเหตุ

2.เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ 8 ก.พ. เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้ก่อเหตุได้สังหารคู่กรณีและเครือญาติ โดยขนอาวุธปืนส่วนตัว 5 ชนิดไปก่อเหตุ

เวลาต่อมา 15.00 น. ใช้รถยนต์ส่วนตัวขับเข้าค่ายทหาร ใช้ปืนที่พกส่วนตัว ขู่ทหารยามรักษาให้ส่งมอบปืน HK 33 พร้อมกระสุนอีก 40 นัด จากนั้น ผู้ก่อเหตุขับรถต่อถึงคลังกระสุน ใช้ปืน HK 33 กราดยิงใส่พลทหารฯที่เฝ้าอยู่จนเสียชีวิต แล้วใช้ปืนลูกซองยิงกุญแจและปล้นปืน HK 33, ปืนกล M 60 จำนวน1กระบอก และใช้ปืนยิงยามฝั่งตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ และขับรถส่วนตัว ไปขโมยรถจี๊ปดัดแปลง (รถต้นแบบM51) ไม่ใช่ฮัมวี่ แล้วขับชนประตูไปในคลังกระสุน เพื่อขโมยกระสุน 700 นัด และขัยรถหนีออกจากค่าย กราดยิงประชาชนตามเหตุการณ์ที่ได้ทราบอยู่แล้ว

3.สาเหตุและมูลเหตุของผู้ก่อเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา และเครือญาติในเรื่องการ ซื้อขายที่ดิน โดยมีผิดสัญญาเรื่องผลตอบแทน ซึ่งต้องดูอีกว่าใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง เมื่อ ผิดสัญญา กัน จึงเป็น แรงจูงใจก่อเหตุ แต่นาทีที่ผู้ก่อเหตุสังหารคู่กรณีนั้น เขากลายเป็นอาชญากรไม่ใช่ทหารแล้ว

4.มาตรการดูแลอาวุธปืนและกระสุน แต่บางหน่วยอาจหย่อนยานก็ต้องลงโทษต่อไป ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก แต่เพราะผู้ก่อเหตุรู้ภายในค่ายดี เพราะเป็นจนท.ในค่ายทหารอยู่แล้ว จึงรู้ว่าจะปล้นปืนอย่างไร

5.การบริหารสถานการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุ ทันทีที่ตนจบภารกิจในกทม. ได้รายงานให้ นายกฯและรมว.กลาโหม โดยนายกฯได้มอบให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคลรมช.กลาโหม และตนลงไปดูพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ ภัยคุกคาม เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ร่วมประชุมหารือ กับ ผบ.ตร.และรายงานให้นายกฯและรมว.กลาโหมได้ทราบ ซึ่งนายกฯให้ดำเนินการดังนี้

  1. ใช้อำนาจกฎหมายปกติ คือให้ ผบ.ตร.เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ (ผบ.เหตุการณ์) ให้มีเสรีในการปฏิบัติงาน มีอำนาจในการบังคับบัญชาทั้งมวล มีอำนาจในการตัดสินใจ
  2. การดำเนินการทุกอย่างขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และให้ตน และรมช.กลาโหม คอยดูแล จัดกำลังทหารเตรียมพร้อมหากจำเป็น เมื่อผบ.เหตุการณ์ร้องขอ และจากการประเมินสถานการณ์ ตำรวจสามารถดำเนินการได้ ผบ.เหตุการณ์ไม่ได้ร้องขอให้ทหารเป็นผู้ช่วยสถานการณ์
  3. ทหารถอนกำลังออกมาอยู่รอบนอก เพื่ออำนวยความสะดวกทุกอย่างให้ตำรวจ ปฏิบัติการครั้งนี้ก็ขอชื่นชมตำรวจทุกนาย

“มีคำตำหนิและด่าว่ากองทัพบก ซึ่งเป็นองค์กรด้านความมั่นคง มีคนมากมายด่าทหาร แต่เรายังมีทหารมากมายที่ต้องปฏิบัติภารกิจ เสียสละเพื่อชาติ ทหารดีๆจะเสียกำลังใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าท่านจะด่าจะตำหนิ มาด่าผม ผมน้อมรับ เพราะผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก แม้จะเหลือเวลาราชการ 7-8 เดือน แต่จะไม่ย่อท้อต่อการปรับปรุง จะเข้มงวด รักษามาตรฐาน มาตรการให้ดีขึ้น เรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา จนวันสุดท้ายที่ส่งมอบธงให้ ผบ.ทบ.คนต่อไป

ผบ.ทบ.ยังระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปฎิบัติการทางทหาร แต่กองทัพบกรับผิดชอบตามมาตรฐาน ทั้งประชาชนผู้เสียหาย และทหารที่เสียชีวิตขณะปฎิบัติหน้าที่ ถึงแม้จะเป็นเพียงพลทหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเพลิงศพ กองทัพบกจะดูแล ทหารที่เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด และสมเกียรติ การรับผิดชอบประชาชนที่เสียชีวิต รวมไปถึงครอบครัว กองทัพบกยินดีที่จะรับทายาทเข้ารับราชการโดยไม่มีข้อแม้ หากทายาทยังเรียนไม่จบ กองทัพจะรับผิดชอบดูแลด้านการศึกษาไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าผมจะเกษียณอายุไปแล้วก็ตาม ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสูญเสียในการประกอบวิชาชีพ กองทัพก็จะรับเข้าราชการเช่นเดียวกัน

ผบ.ทบ. กล่าวต่อว่า พูดอย่างนี้แล้วกัน คนเราเติบโตมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ต่างกัน แต่เรานายทหารหลักได้เข้ามาอยู่โรงเรียนเดียวกัน ได้รับการปลูกฝัง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกัน ต่างคนต่างมีใจมีจิตวิญญาณ ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา มาตลอด แต่เมื่อรับราชการ ก็อยู่ที่คุณธรรม จริยธรรมของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่ทำมาตลอด เติบโตมาได้ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะผู้บังคัญชาแต่เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ให้ความร่วมมือช่วยทำงาน ไม่ว่าที่ตั้งปกติ ทำงานในสนามรบ ทำงานในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบ ทำทุกเรื่องเพราะผมดูแลเค้าดี ทุกภารกิจบนเส้นทางการเจริญเติบโต

ขณะเดียวกัน ก็เห็นความล้มเหลวของคนข้างเคียง ที่เป็นผู้บังคับบัญชา ดังนั้น ต่อไปนี้ ในการสรรหาผู้บังคับหน่วย ต้องเริมจากการบังคับตัวเองก่อนบังคับผู้ใต้บัคังคับบัญชา ปล่อยตัวเองอ้วนลงพุง ไม่ดูแลตัวเอง อย่างนี้ถูกย้ายหมด ผู้บังคับหน่วย ต้องผ่านการทดสอบคุณภาพร่างกาย เรื่องภาษาอังกฤษ ความรู้ ใครไม่ได้มาตรฐานไม่ต้องอยู่ แม่ทัพ-ผบ.พล ไม่สนใจพัฒนาตัวเองก็ย้ายไปประจำ

“เมื่อวันที่ 4ก.พ.63 ได้เซ็นยกเลิกการซื้อปืนทุกชนิด ต่อไปนี้ใครซื้อปืน ระดับเสนาธฺการเท่านั้นรับรอง ผู้ก่อเหตุมีปืน5 กระบอก ทหารไม่เป็นจำเป็นต้องมีปืนส่วนตัว”ผบ.ทบ.กล่าว

ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า ทหารมีบ้าน มีที่พัก กองทัพบกจัดให้กำลังพลเพียงพอ ไม่ต้องจ่ายค่าบ้าน ได้มีโอกาสเก็บเงินไปหาบ้าน หลังเกษียนอายุราชการท่านย้ายออก ต้องเปิดโอากาสให้คนไม่มีบ้านมาอยู่ ผู้ก่อเหตุมีปืน 5 กระบอก และราคาแพง มีไว้เพื่ออะไร เอาเปรียบหลวง เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ไปดูคำสั่งได้ หากทำแล้วถ้าไม่สัมฤทธิ์ผล เห็นดีแน่ วิทยุสั่งการไปแล้ว แม้จะใกล้เกษียณไม่ถนอมตัว จะทำให้กองทัพบกดีขึ้น

พร้อมระบุด้วยว่า ต่อไปนี้เพื่อให้กำลังพลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จะเปิดช่องทางให้มีการร้องเรียนถึงตนโดยตรง แต่ตนไม่มี Facebook ไม่เล่น IG ไม่มีทวิตเตอร์ แต่ตนอาจจะให้ out sourceเข้ามาทำให้ โดยส่งข้อมูลถึงตนโดยตรง และปกปิดเป็นความลับ ไม่ว่าจะนายพล นายร้อย ผู้พัน ก็ตาม และไม่ว่า ใครมารับธงต่อจากตน ก็ต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปในระยะยาวด้วย

“ในการแต่งตั้งโยกย้าย กลางปีนี้ จะมีการปรับเปลี่ยน ทั้งระดับ นายพัน จนถึงนายพล แน่นอนผมจะพยายามอย่างเต็มที่ ในเวลาอีกไม่กี่เดือน ที่เหลืออยู่ของผม ผมจะไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย และ หนักแน่นและอดทน”

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.naewna.com