ครป.บุกสภาฯ จี้กระจายอำนาจ-เลือกตั้งท้องถิ่น โดยเร็ว

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เดินทางไปยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา เพื่อเสนอให้คณะกรรมาธิการ เร่งผลักดันการตรากฎหมายจังหวัดจัดการตนเอง และการกระจายอำนาจการปกครองอย่างเป็นระบบ

โดยรายละเอียดในหนังสือระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาที่รุมเร้าเข้ามามากมาย ทั้งปัญหาที่เป็นผลมาจากการแข่งขันแย่งชิงกันทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และปัญหาภายในประเทศที่ส่งผลถึงความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรงระหว่างประชาชนที่ต่างชนชั้นต่างฐานะทางสังคม ที่อยู่ในเมืองกับอยู่ในชนบทและอื่นๆ แต่รัฐบาลไทยและกลไกรัฐทั้งหลายยังมีกระบวนทัศน์รัฐราชการรวมศูนย์อำนาจแบบเก่า ซึ่งไม่สามารถเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ ได้ เนื่องจากประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาภายใต้กระบวนทัศน์นี้ไม่อาจลดทอนปัญหาความเหลื่อมล้ำดังกล่าวลงได้ ตรงกันข้ามกลับทวีความรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เห็นว่า กลไกรัฐในราชการฝ่ายบริหาร และรัฐสภาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การบริหารราชการแผ่นดินและการตรากฎหมายการกระจายอำนาจ ออกจากการเป็นรัฐราชการแบบเข้มข้นหรือรัฐรวมศูนย์อำนาจเด็ดขาด ซึ่งรูปแบบดังกล่าวเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นของข้าราชการและนักการเมืองอย่างเป็นระบบที่กัดกร่อนประเทศไทยมาอย่างยาวนานจนเกิดความเหลื่อมล้ำทางอำนาจและเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากเชื่อว่ารัฐและกลไกของรัฐต่างๆ เท่านั้นเป็นฝ่ายที่มีความสามารถในการตัดสินใจบริหารจัดการประเทศได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด โดยถือว่าประชาชนเป็นเพียงฝ่ายที่ต้องรอรับผลการตัดสินใจหรือตอบสนองต่อทิศทางการดำเนินการของฝ่ายรัฐเท่านั้น

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ กำหนดนโยบาย และตรากฎหมายให้เกิดการบริหารจัดการประเทศร่วมกันใหม่ ระหว่างรัฐกับประชาชนภายใต้ภัยคุกคามความมั่นคงในรูปแบบใหม่ เพื่อนำเอาศักยภาพและพลังของประชาชนในท้องถิ่นและทรัพยากรท้องถิ่นที่มีอยู่ในทั่วประเทศมาขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ช่วยลดภาระของรัฐบาลในส่วนกลางและเพิ่มพลังในการแข่งขันให้กับประเทศให้มากยิ่งขึ้น

ดังนั้น คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จึงขอเรียกร้องมายังคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้

1.ขอให้ตรวจสอบการผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของกลุ่มนายทุนผูกขาดทั้งหลาย และผลักดันการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ รวมถึงการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 ให้เกิดประสิทธิภาพและความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มทุนธุรกิจผูกขาดมีอำนาจเหนือตลาด ขัดกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้าและผูกขาดตลาดเกินกึ่งหนึ่งตามกฎหมายจำนวนมาก แต่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ายังไม่มีการดำเนินการตรวจสอบและฟ้องร้องอย่างเป็นระบบ และนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ

รวมทั้งขอให้เร่งผลักดันให้มีกฎหมายการเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเหมือนนานาอารยประเทศ ยกเลิกนโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ การลดหย่อนภาษีเงินได้และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มทุนรายใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจและให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินในท้องถิ่นที่รับผิดชอบเพื่อการพัฒนาพื้นที่ต่อไป

2.ขอให้เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติจังหวัดจัดการตนเอง เพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรงทั่วประเทศ โดยให้มีการเลือกตั้งสภาจังหวัดจัดการตนเอง และผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการตนเอง เพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนโดยตรงในทุกพื้นที่ ไม่มีการปกครองรูปแบบพิเศษเฉพาะกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาเท่านั้น เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจและมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ประเทศไทยต้องกระจายอำนาจการปกครองจากรัฐราชการรวมศูนย์ไปสู่การพัฒนาเมืองต่างๆ ให้เติบโตยั่งยืนด้วยตนเองและส่งเสริมให้ท้องถิ่นจัดการตนเองด้วยระบบราชการสมัยใหม่ เพื่อให้ทุกเมืองได้พัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของคนในท้องถิ่นเอง

ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 249 ให้มีการจัดการปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น โดยให้คํานึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่นและความสามารถในการปกครองตนเองในด้านรายได้ จํานวนและความหนาแน่นของประชากรประกอบกันเป็นสำคัญ ดังนั้น อาจดำเนินการในพื้นที่จังหวัดนำร่องที่มีความพร้อมไปก่อนก็ได้

3.ให้ผลักดันให้มี “สภาพลเมือง” ขึ้นในทุกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล โดยให้สภาพลเมืองเป็นที่สำหรับการปรึกษาหารือ การร่วมตัดสินกำหนดแผนพัฒนาท้องถิ่น การร่วมแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น เป็นต้น รวมทั้ง ควรเปิดโอกาสให้สภาองค์กรชุมชน องค์กรและเครือข่ายภาคประชาสังคมได้มีบทบาทในการให้คำปรึกษาและร่วมตัดสินใจกับองค์กรปกครองท้องถิ่น ตลอดทั้งร่วมหรือรับทำบริการสาธารณะที่เหมาะสมด้วย

4.ขอให้ผลักดันให้คณะรัฐมนตรีกำหนดช่วงวันเวลาเพื่อเร่งจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากว่า 7 ปี ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ขยายเวลาออกไป จนบัดนี้มีรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่เป็นเวลานานแล้ว แต่ยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดวันเวลาเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศแต่อย่างใด ถึงเวลาอันสมควรให้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็วเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและเพื่อให้การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความต่อเนื่องของระบบราชการไทย

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร จะรับฟังข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้มีการกระจายอำนาจการปกครองอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐสภาไทย เพื่อเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาประเทศอย่างจริงจัง และเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้รุ่งเรืองร่วมกันต่อไป