ขยับอะไรแทบไม่ได้เลย! ส.ว.เสรี เตือน กก.บห. ที่ถูกตัดสิทธิฯครอบงำส.ส.ย้ายพรรค ระวังเจอคุก

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้  ขอเตือนว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวหรือไปครอบงำพรรคการเมืองที่จะรับสมาชิกส.ส.ของพรรคที่ถูกยุบ

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนอกจากที่จะมีคำสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค แล้วได้สั่งด้วยว่าห้ามผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่  หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่อีกภายในกำหนดสิบปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคดังกล่าว

นั่นหมายความว่ากฎหมายเขาห้ามผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองอื่นๆ  ซึ่งต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองจริงๆ 

หากผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองดังกล่าวไปพูดไปกล่าวโครมครามหรือแสดงออกแอ็คชั่นว่าต่อไปจะไปดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองต่อไป ก็ต้องไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองหรือไปบงการหรือไปครอบงำพรรคการเมือง

การที่แถลงว่า “จะรณรงค์ทางการเมืองต่อเนื่องต่อไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย” หรือ “การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง” หรือจะไปตั้ง “คณะอนาคตใหม่คณะรณรงค์การเคลื่อนไหวสังคมเพื่อผลักดันวาระที่ก้าวหน้าทางการเมือง” และยังประกาศจะทำงาน “การเมืองการเลือกตั้งท้องถิ่น”  หรือจะไปตั้ง “มูลนิธิ” ก็ว่ากันไป  แต่อย่าปลุกระดมอย่าสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองก็ต้องระมัดระวังซึ่งจะกลายเป็นผิดกฎหมายกันขึ้นมาอีก

แต่การที่ไปแสดงออกว่าได้ดำเนินการตั้งพรรคใหม่รอรับส.ส.ไว้แล้วหรือไปแสดงออกด้วยการบงการหรือครอบงำพรรคการเมืองใหม่ ที่จะเข้ารับส.ส.ที่จะต้องหาพรรคใหม่ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม  หากเป็นการแสดงออกว่าพรรคการเมืองนั้นยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมตามพรป.พรรคการเมือง๒๕๖๐มาตรา๒๘  ซึ่งพรรคการเมืองนั้นที่ฝ่าฝืนมาตรา๒๘อาจถูกยุบพรรคได้ตามพรป.มาตรา๙๒(๓)

ส่วนใครก็ตามเมื่อมิใช่สมาชิกพรรคได้กระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกพรรคขาดความอิสระทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมตามพรป.พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๙ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของผู้นั้นตามพรป.พรรคการเมืองมาตรา ๑๐๘ 

จึงขอเตือนว่าผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วและมิได้เป็นสมาชิกการเมืองนั้น หากไปแสดงออกหรือไปดำเนินการใด อันเป็นการแสดงตนว่าเป็นผู้บงการไม่ว่าเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังไปในทางควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองใดก็ตาม ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมมีสิทธิติดตะรางยาวแน่ส่วนพรรคการเมืองใหม่นั้นก็มีสิทธิถูกยุบพรรคอีก.