ยกบทเพลง ยุคเดือนตุลา 16 ให้กำลัง ‘ธนาธร-อนาคตใหม่’ อีก 10 ปีจะรอดูความสำเร็จ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร  อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อค่ำวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อให้กำลังใจนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่โดยโพสต์ของนายสมชัยมีรายละเอียดดังนี้

ความคับแค้นครั้งนี้  จงแปรเปลี่ยนเป็นพลัง

สี่ทุ่มเศษคืนวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ผมเปิดมือถือดูการถ่ายทอดสดการปราศรัยในช่วงท้ายๆที่ของคุณธนาธรกับมวลชนที่มาให้กำลังใจหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไปเมื่อตอนเย็น 

ธนาธรไม่มีสีหน้าเคร่งเครียดยังพูดคุยกับมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  มีลูกเล่นลูกฮาให้กองเชียร์ได้หัวเราะบ้างตบมือด้วยความพอใจบ้าง  ให้คำมั่นสัญญาว่าการต่อสู้เพื่อสังคมยังจะไม่สิ้นสุด  และพูดให้ความหวังว่าเราจะไม่กอดกันร้องไห้แต่ตื่นเช้าพรุ่งนี้เราจะร่วมกันแปรเปลี่ยนความคับแค้นให้เป็นพลังเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่อไป

คนวัยเลย 60 อย่างผม  เลยหวนคิดไปถึงเพลงที่นักเรียนนักศึกษาในรุ่น 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519  ร้องกันทุกครั้งที่มีการชุมนุมที่มีเนื้อเพลงว่า “ความคับแค้นครั้งนี้จงแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้กล้าแกร่งดุจดังพายุโหม  เราจะลุกขึ้นสู้  เราจะยอมสู้ตายแม้ชีวาจะวายเราก็จะพลี”  

ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนแต่งหรือมาจากวงดนตรีใด  จำได้ว่าจังหวะการร้องและตบมือจะเริ่มจากช้าและเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ  เหมือนกับสะสมกำลังในการต่อสู้ให้กึกก้องและรวดเร็วกระชับขึ้น

ธนาธรที่เคยเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์  คงเคยร้องเพลงนี้ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย  เลยเอามาเป็นวลีปิดในการพูดกับมวลชนเมื่อคืน

ดีใจครับที่ธนาธรยังมีกำลังใจไม่ท้อถอย  แม้ลึกๆจะเสียใจว่าเขาและเพื่อนไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้มีอำนาจตัดสินความเป็นไปของบ้านเมือง  มองการลงมาทุ่มเททำงานการเมืองของเขาและเพื่อนเป็นความผิด  มองการให้เงินกู้เป็นการครอบงำพรรคการเมืองขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้นายทุนมามีอำนาจเหนือการเมือง  และกลายเป็นข้อหาสำคัญถึงขนาดยุบพรรคตัดสิทธิกรรมการบริหารและยังต้องมีคดีอาญาและยึดเงินจำนวนหลักร้อยล้านดังกล่าวมาเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองต่อไป

ธนาธรไม่ได้ผิดที่ให้กู้เงิน  แต่ไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้ว่าประเด็นกู้เงินจะถูกดึงขึ้นมาหยิบเอามุมในกฎหมายมาทำร้ายตัวเขาและพรรคได้   

เงินค่าปรับเงินที่อาจถูกยึดไม่น่าจะเป็นภาระมากมายสำหรับเขา  โทษอาญาที่ถึงขั้นจำคุกถึงวันนี้คงไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหวเพราะ“คุกขังเขาได้แต่หัวใจอย่าปรารถนา”  สิบปีที่ถูกตัดสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งก็ไม่นานเกินไปสำหรับคนในวัยหนุ่มเช่นเขา   

คนที่เห็นรอยยิ้มและคำพูดของธนาธรเมื่อคืน  คงคิดเหมือนผมครับ

“ให้กำลังใจสู้ต่อไปครับธนาธร  อีกสิบปีข้างหน้าเราจะมาดูความสำเร็จของคุณ”