‘จตุพร’ ผิดหวัง ‘หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย’ ที่อนาคตสามารถก้าวไปถึงตำแหน่งนายกฯ แต่กลับเอาของเสื่อมไปไว้ในบ้าน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการหยิบข่าวมาคุย ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวี โดยวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองกรณีหลังยุบพรรคอนาคตใหม่ ส.ส.อนาคตใหม่ย้ายขั้วไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยพรรคร่วมรัฐบาล ช่วหงนึ่งว่า ตนนึกถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น มั่นใจ ส.ส.จะไปสังกัดพรรคด้วยกัน โดยใช้คำว่า “มาเกือบครบ” แต่ในทางการเมือง พรรคเชิงอุดมการณ์ อุดมคติ ซึ่งในอดีตมีให้เห็นมาแล้ว เช่นที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 อย่างพรรคพลังใหม่และพรรคสังคมนิยม รวมทั้งพรรคอุดมคติแบบพรรคพลังธรรม เป็นต้น มักจะประสบความยุ่งยากเสมอ

ดังนั้น การยุบพรรคอนาคตใหม่ แม้เป็นพรรคอุดมการณ์ อุดมคติทางการเมือง แต่ที่สิ่งหนึ่งคนไม่คาดคิดคือ พรรคที่หลอมรวมคนอุดมการณ์เดียวกัน กลับกลายต้องมาเจอนักการเมืองประเภทที่เรียกว่า เร่ขายตัว

โดยเมื่อวานนี้เห็นตัวเลขจำนวน 9 คนอย่างชัดเจน และมีข่าวว่า อาจะเพิ่มขึ้นถึง 25 คนที่จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคอื่นใดในซีกรัฐบาลนั้นตนมองว่า อนาคตใหม่ต้องทบทวนเหมือนกันว่า มนุษย์นั้นยากที่จะหยั่งถึง เมื่อผลประโยชน์มาเยือน รู้หน้าไม่รู้ใจ จนกระทั่งเมื่อคราวมีภัย หรือมีผลประโยชน์ ก็จะเห็นตัวตนอย่างชัดเจน

ตนเชื่อว่าคนในพรรคอนาคตใหม่ก็คาดไม่ถึงว่า คนที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันแล้วจะต้องไป แต่ไปแบบไม่ปกติ คือ ไปแบบ ส.ส.แดดเดียว สมัยเดียว ขณะเดียวกัน การรับบุคคลเหล่านี้เข้าไป แม้รัฐบาลจะได้เสียงเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่จะตามมาด้วยทุกขลาภและนำพาสู่ความเสื่อม ถือว่าเป็นลาภที่มิควรได้

“อีกทั้งการรับสมาชิกพรรคอนาคตใหม่เข้าไปนั้นจะเป็นการขัดลาภของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในอนาคต เพราะใครๆก็คิดว่าในอนาคตหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะสามารถก้าวไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับเอาของเสื่อมไปไว้ในบ้าน” นายจตุพร กล่าว

ประธานนปช. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าสัจธรรมทางการเมือง ในเรื่องพรรคอุดมการณ์นั้น ส่วนใหญ่อายุสั้น ก็เป็นความเจ็บช้ำที่คนในพรรคอนาคตใหม่ต้องไปคิดอ่านกัน พร้อมยกคำกลอนของ นายไขแสง สุกใส นักการเมืองในตำนาน ประณามนักการเมืองขายตัว.