‘จตุพร’ ชี้นักเรียน-นักศึกษาชุมนุมไปไกลกว่าเรื่องยุบพรรค บอกถ้าเราไม่สนับสนุนก็แย่เต็มที่

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองการชุมนุมของนิสิตนักศึกษานักเรียนซึ่งเกิดขึ้นทั่วทุกสถาบัน ว่าตนเคยวิเคราะห์บ้านเมืองมาแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นช่วงเวลานับเดือน แต่ไม่ถึงนับปี เพราะการชุมนุมของขบวนการนักศึกษาวันนี้ ไม่แตกต่างจากการชุมนุมในอดีตทั้งช่วงก่อนและเกิดเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516, ช่วง 6 ต.ค. 2519, ช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 และเหตุการณ์บาดเจ็บล้มตายของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553โดยทุกการชุมนุมในอดีตล้วนต้องการให้บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยของประชาชนแทบทั้งสิ้น

รวมถึงวันนี้เราค่อนข้างเห็นปลายทางของขบวนการนักศึกษาว่าจะจบลงด้วยชัยชนะแบบ14 ต.ค. 2516 หรือพฤษภาทมิฬ2535 แต่บางฝ่ายต้องการให้จบลงแบบ6 ต.ค. 2519 และตามประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ผ่านมามีจุดเปลี่ยนเหตุการณ์อยู่ที่การนำสถาบันกษัตริย์มาโจมตีทำลายความบริสุทธิ์ของพลังคนหนุ่มสาว

นายจตุพรชี้แนวทางว่านักศึกษาจะเคลื่อนไหวอย่างทรงพลังต้องไม่มีฝ่ายการเมืองมาชักใย ขณะเดียวกันฝ่ายต่อต้านนักศึกษาต้องไม่ปลุกสถาบันกษัตริย์ขึ้นมาโจมตีนักศึกษาด้วย ซึ่งสื่อบางชนิดกำลังเร่งทำหน้าที่แบบสถานีวิทยุยานเกราะ(ในช่วงทศวรรษ2519) โดยเริ่มปลุกนำเอาสถาบันกษัตริย์มาโจมตีนักศึกษากันแล้ว

“ขบวนการนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ของคนหนุ่มสาวควรขีดเส้นใต้การชุมนุมว่าเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจในปัจจุบันตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงมาต้องเน้นเรื่องรัฐธรรมนูญ และเรื่ององค์กรอิสระและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ อีกทั้งการปราศรัยต้องไม่เกี่ยวข้องสถาบันกษัตริย์ด้วยส่วนฝ่ายต่อต้านนักศึกษานั้นต้องไม่เอาสถาบันมาทำลายขบวนการนักศึกษากล่าวโดยสรุปแล้วต้องไม่มีสถาบันกษัตริย์เข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ”

นายจตุพร กล่าวว่าการชุมนุมของนักศึกษาครั้งนี้มีปริมาณมากกว่าการชุมนุมในประวัติศาสตร์และยังมีปรากฎการณ์ครั้งแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ถูกนักเรียนสตรีวิทย์กับศึกษานารีออกมาขับไล่ซึ่งเกิดมาไม่เคยเห็น

ดังนั้นปรากฎการณ์ปี 2563 จึงมหัศจรรย์และตื่นตัวกว่าในอดีตอย่างมาก แต่ฝ่ายต่อต้านนักศึกษากลับบอกมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังทั้งที่ความจริงคือบ้านเมืองอยุติธรรมไม่เป็นประชาธิปไตย  ผสมกับมีปัญหาเศรษฐกิจเดือดร้อนสาหัสต่างหากได้ปลุกขบวนการนักศึกษาให้ตื่นขึ้นมาและยากที่จะหลับลงได้อีก

“พรรคการเมืองอย่างเข้าไปยุ่งส่วนประชาชนยุ่งได้เพราะเป็นพ่อเป็นแม่ของนักศึกษาหากวันใดรัฐบาลตัดสินใจผิดพลาดใช้กำลังเข้าจัดการปราบปรามนักศึกษาแล้ววันนั้น ต้องเจอกับผมและเจอกับอีกหลายคนแน่นอน”

นายจตุพรย้ำว่าเมื่อนักศึกษาลุกขึ้นมาต่อสู้คนในบ้านเมืองต้องมีความภูมิใจคนหนุ่มสาวที่มีสำนึกกับประเทศชาติ เพราะเป็นผลดีกับอนาคตของบ้านเมืองยิ่งนักศึกษาต่อสู้เพื่อรัฐธรรมนูญต้องการเป็นประชาธิปไตยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจึงเป็นแนวทางถูกต้องและน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

อีกทั้งเชื่อว่าจากนี้ไปจะมีขบวนการสร้างสถานการณ์ทำลายนักศึกษา แต่ต้องไม่นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงควรให้ความคุ้มครองปกป้องความปลอดภัยให้ขบวนการนักศึกษาด้วย เพราะสถานการณ์ละเอียดอ่อนในขณะนี้ฝ่ายออกมาต่อต้านเร่งเกิดอาการไอโอหนักมาก

นายจตุพร กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ กำลังคิดว่าเสียงในสภาทำให้สามารถอยู่นานได้แต่สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ได้จบลงที่เสียงในสภาอาจจบที่มหาวิทยาลัยโรงเรียนทั้งประเทศลุกขึ้นมาจัดการและประเทศไทยจะได้ตั้งต้นกันใหม่ ขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ทำให้ชาติล้าหลังจนไม่สามารถพลิกฟื้นให้ชีวิตได้กลับมาอยู่ดีกินดี

“ขบวนการนักศึกษาวันนี้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองแต่สู้เพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาธิปไตยเรื่องเผด็จการเรื่องความยุติธรรมกับอยุติธรรม และที่สำคัญเขาต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนี้ต้องการแก้กติการัฐธรรมนูญให้ถูกต้องโดยสถานการณ์เดินเลยหนีจากเรื่องการยุบพรรคไปแล้ว ดังนั้นถ้าเราไม่สนับสนุนเขา เราก็แย่เต็มที่ เราควรสนับสนุนให้กำลังใจปกป้องนักศึกษาด้วยการกำหนดให้มีที่ยืนระยะห่างกันเข้าไว้”