รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย “นคร มาฉิม” ได้แสดงความคิดเห็นต่อการชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การเอาชนะเผด็จการล้างมรดกบาปแผ่นดินด้วยพลังบริสุทธิ์ของนักเรียนนักศึกษาปัญญาชน
ต้องยอมรับความจริงว่าแนวรบในสภาฝ่ายเผด็จการทรราชได้ใช้ลิ่วล้อบริวารในนามองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมทำลายอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนตามแผนยุทธศาสตร์ของเผด็จการจนง่อยเปลี้ยเสียขาไร้พลังที่จะโค่นเผด็จการบรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการยกมือสนับสนุนไว้วางใจกันสลอนไม่แคร์ต่อสายตาประชาชนแม้จะมีข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี
ในขณะเดียวกันก็ใช้เงินวิ่งซื้อขายตัวของสส. ที่ไร้อุดมการณ์เพื่อเอามานับเป็นจำนวนตัวเลขเอาไว้ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อแย่งชิงกอบโกยผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองไปเป็นของตนเองและพวกพ้องเป็นวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายตามที่ระบอบเผด็จการวางแผนไว้ผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการคสชปี60 ผ่านแผนยุทธศาสตร์ชาติ20 ปีผ่านสว250 คนผ่านองค์กรอิสระกระบวนการยุติธรรมและองคาพยพที่แข็งแกร่ง
พรรคฝ่ายค้านจึงกลายเป็นเพียงคู่ซ้อมที่สร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเผด็จการทรราชนี้เท่านั้น
แต่แผ่นดินนี้ไม่สิ้นคนดียังมีผู้กล้ามีผู้รู้มีผู้เสียสละที่ไม่ยอมจำนนต่อการกดขี่ข่มเหงต่ออำนาจและผลประโยชน์คือเหล่านักเรียนนิสิตนักศึกษาและปัญญาชนฝ่ายประชาธิปไตยสามารถรวมตัวกันได้ตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนหลายสถาบันทั่วประเทศเป็นพลังอันบริสุทธิ์ลุกขึ้นมาสู้กับเผด็จการเรียกร้องหลายประเด็นที่แหลมคมเช่น
1. ให้พลเอกประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
2. ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมรดกบาปให้เป็นประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน
3. ให้ศาลรัฐธรรมนูญองค์กรอิสระและสว250 คนที่แต่งตั้งโดยคณะคสช. ลาออก
4. ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนรรวมในการบริหารจัดการทรัพยากรชาติเพื่อประชาชน
แต่ละข้อเสนอแต่ละข้อเรียกร้องมีเหตุผลมีน้ำหนักมีความชอบธรรมระบอบเผด็จการจึงหวาดกลัวต่อนักเรียนนักศึกษาปัญญาชนผู้กล้าเหล่านี้และพยายามใช้ทุกวิถีทางย่อยสลายทำลายขบวนการนักเรียนนักศึกษาปัญญาชนให้ได้ตั้งแต่ไม้อ่อนจับกุมคุมขังถึงไม้แข็งสุดคือการสังหารเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ14 ตุลาคม2516 , 6 ตุลาคม2519 ,พฤษภาคม2535 , เมษา-พฤษภา2553 เพื่อคงสถานะชนชั้นปกครองกอบโกยกดขี่ประชาชนต่อไป
เพื่อนำเอาบทเรียนอดีตมาเป็นกรณีศึกษาให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะให้ฝ่ายเผด็จการพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดตลอดไปในส่วนตัวเห็นว่า
1. สส.ฝ่ายค้านทุกคนควรลาออกจากการเป็นสส. รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้จะหมดความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อไปเพราะทั่วโลกจะไม่ยอมรับ
2. พรรคฝ่ายค้านและมวลชนที่สนับสนุนทั้งชาวไร่ชาวนาชาวสวนผู้ใช้แรงงานผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติภายใต้การบริหารรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้ ควรเดินหน้ากดดันให้รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของนักเรียนนักศึกษาปัญญาชนแบบคู่ขนานด้วยความสงบสันติและปราศจากอาวุธ
ท้ายสุดด้วยฝ่ายเผด็จการมีความเหี้ยมโหดเลือดเย็นป่าเถื่อนและพร้อมที่จะใช้ทุกรูปแบบเพื่อให้ชนะจึงอดที่จะฝากความห่วงใยถึงนักเรียนนิสิตนักศึกษาทุกคนขอให้ยึดมั่นในหลักการอย่าหวาดกลัวอย่าหวั่นไหวต่ออำนาจมืดอิทธิพลหรือผลประโยชน์และรวมกันอย่างมีเอกภาพอีกไม่นานชัยชนะจะเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย
เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ