จม.สุดสะเทือนใจ! ‘ผู้พิพากษาคณากร’ ขอทุกท่านตอบในใจเบาๆ ‘สิ่งที่ผมทำลงไปจนถูกสอบวินัยและตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญานี้ ท่านพบความชั่วหรือความเลวอยู่ในการกระทำของผมบ้างหรือไม่’

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2563 ภายหลังนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ก่อเหตุยิงตัวเองอีกครั้ง เมื่อเช้าที่ผ่านมาและได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 10.45 น.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จ.เชียงใหม่

ก่อนก่อเหตุนายคณากร ได้โพสต์จดหมาย 2 แผ่น ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยมีรายละเอียดดังนี้

“เรียนเพื่อนๆพี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักเรื่องจดหมายลาสืบเนื่องจากผมนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลาใช้อาวุธปืนยิงตนเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ที่ศาลจังหวัดยะลาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ทั้งแถลงการณ์ผ่านสื่อออนไลน์แจ้งให้ประชาชนทราบถึงการที่นายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 แทรกแซงผลคำพิพากษาที่ผมเป็นเจ้าของสำนวนรายละเอียดตามคำแถลงการณ์ 25 หน้าของผมซึ่งคงได้อ่านกันแล้ว

ต่อมาผมถูกศาลยุติธรรมตั้งกรรมการสอบสวนและยังถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ซึ่งผมเชื่อว่าต้องถูกลงโทษออกจากราชการเป็นแน่ทั้งการดำเนินคดีกับตัวผมเพิ่งจะเริ่มต้นการสูญเสียหน้าที่การงานที่รักนั้นคือการสูญเสียตัวตนทั้งกลับกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง สภาพร่างกายและจิตใจของผมไม่อาจรับไหวเต็มไปด้วยความทุกข์ เส้นทางชีวิตของผมในชาตินี้ได้ขาดลงแล้ว

ผมขอยืนยันกับเพื่อนๆพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่านว่าสิ่งที่ทำลงไปผมทำด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ต้องการให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนและไม่เสียใจที่ได้กระทำ ผมภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความยุติธรรมแก่ประชาชน

ในอดีตที่เราใช้รัฐธรรมนูญ พ. ศ. 2540 ที่ถูกร่างขึ้นโดยสสร. ประชาชนและนักวิชาการทั้งหลายต่างยอมรับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเท่าที่ประเทศเราเคยมีมา ท่านคงสงสัยว่าขณะใช้รัฐธรรมนูญดังกล่าวทำไมจึงไม่ให้มีการตรวจร่างคำพิพากษาในศาลชั้นต้นเพราะอะไรหรือสสร. รู้ว่าการตรวจร่างคำพิพากษาในศาลชั้นต้นอาจเปิดโอกาสให้มีการแทรกแซงผลคำพิพากษาโดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค

ขออนุญาตถามเพื่อนๆพี่น้องประชาชนชาวไทยง่ายๆ ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปจนถูกสอบวินัยและตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญานี้ ท่านพบความชั่วหรือความเลวอยู่ในการกระทำของผมบ้างหรือไม่ ขอทุกท่านตอบในใจเบาๆก็พอส่วนผมรู้คำตอบมาตั้งแต่ต้นแล้วเสียดายที่ท่านไม่ใช่ผู้ตัดสิน

ในวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ผมไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดแต่วันนั้นสวรรค์ทรงเมตตาให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อเข้าใจว่าทรงมีพระประสงค์ให้มาอยู่กับครอบครัวสักระยะหนึ่งเท่านั้น ผมจึงจัดการซ่อมแซมแต่งบ้านบางส่วนให้เรียบร้อยขึ้นเพื่อให้สองแม่ลูกอยู่อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นสอนลูกให้เข้มแข็งสอนให้เป็นคนดีว่า “คนดีคือคนที่ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตนเองผู้อื่นและประชาชนภายในกรอบของศีลธรรม”

วันที่ 6-7 มีนาคม 2563 เป็นวันดีลูกปิดเทอมได้หนึ่งสัปดาห์ สมควรแก่เวลา ก่อนหน้านี้ฝึกคับขันธ์บางส่วนมาก่อนแล้ว ดับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ยังดีกว่าดับไม่ลง จึงตัดใจดับขันธ์ทั้งห้าด้วยกำลัง

ชีวิตเป็นเพียงแค่การเดินทางร่างกายที่แท้ไม่ใช่ของเรา ท้ายที่สุดย่อมเสื่อมสภาพกลับไปเป็นธาตุทั้งสี่ การพลัดพรากจากหน้าที่การงานหรือคนที่รักก็เช่นกัน ท้ายที่สุดย่อมต้องจากเหลือไว้แต่ความดีในความทรงจำของผู้อื่น เพื่อดับทุกข์จึงขอลาจากไปในเวลานี้แม้จะก่อนเวลาอันควร

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่านลาก่อน นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลาฯและผู้ต้องหา ปล. ท่านที่เมตตาผมท่านสามารถส่งวิญญาณผมให้ไปสู่สุคติได้โดยให้ทุนการศึกษาแก่ลูกของผมที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ชื่อบัญชีนายคณากร เพียรชนะ เลขบัญชี 714-236993-0”