‘จตุพร’ แนะรัฐบาลทำตาม 3 ข้อเรียกร้องแฟลชม็อบนักศึกษา ชี้ ‘ บิ๊กตู่’ อยู่ต่อไปก็ติดลบลงเรื่อยๆ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2563 ในรายการ “ลมหายใจพีซทีวีเวทีทัศน์” ถึงนักคึกษาแฟลชม็อบว่าเมื่อรวบรวมข้อเรียกร้องของนักศึกษาแล้วมี 3 ประเด็นหลักใหญ่คือหนึ่งนายกรัฐมนตรีต้องลาออกสองแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และสามยกเลิกองค์กรอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งระหว่างยึดอำนาจ โดยทั้ง 3 ข้อเรียกร้องนี้แม้ได้รับการแก้ไขเพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ตาม แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ 

อีกทั้งอธิบายว่าแม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมลาออก แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ได้แก้หรือยุบสภาและรัฐธรรมนูญไม่แก้ประเทศก็อยู่ที่เดิม เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่แก้ก็ไปทำอะไรองค์กรอิสระไม่ได้ เฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นข้อเรียกร้องทั้ง3 ข้อจึงผูกกันไปหมด

นายจตุพร ยืนยันว่าขณะนี้การต่อสู้ของคนหนุ่มสาวอยู่ในระดับท้าทายกันแล้วและข้อเรียกร้องทั้ง3 ข้อนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครโดยเฉพาะแต่เป็นปัญหาของชาติบ้านเมืองตนเคยพูดก่อนออกจากเรือนจำโดยชวนกันให้มาแก้ก่อนตายแต่บทเรียนของไทยมักตายก่อนแก้กันทุกครั้งคราวไป

“ถ้ารัฐบาลไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของนักศึกษาซึ่งนักศึกษาจะทวีความเติบโตตามลำดับท้ายที่สุดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไปไม่พ้น(กัดริมฝีปาก) ถ้ารัฐบาลไม่เป็นฝ่ายเสียสละเพราะอยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ถามพล.อ.ประยุทธ์ว่าอยู่ต่อไปเวลานี้มีเวลาบวกหรือไม่ มีด้านบวกที่จะได้กำไรจากการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ ผมบอกว่ามีแต่ลบลงทุกวันแต่ ทั้งหมดนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเสียสละ”

ขณะเดียวกันย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีความเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะความจริงสิ่งที่ขัดกับหลักการประชาธิปไตยมีเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้นเมื่อแก้รัฐธรรมนูญให้เกิด“สภาร่างรัฐธรรมนูญ” (สสร.)ในภายหลังแล้วไปแก้ไขอำนาจวุฒิสภาเป็นหลักใหญ่ เพราะวุฒิสภาเป็นกลุ่มคนไปเลือกนายกฯเลือกองค์อิสระแล้วท้ายที่สุดยังมาจากการแต่งตั้งของหัวหน้าคสช. 

รวมทั้งระบุว่าตนต้องการบอกว่าใน 3ข้อเรียกร้องของนักศึกษานั้นถ้าทุกอย่างได้รับการแก้ไขครบหมดประเทศจะเดินต่อไปได้ เรามาเริ่มเบื้องต้นกันด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดสสร. ก่อน ถ้าเบื้องต้นไม่จบยุบสภาก็ใช้รัฐธรรมนูญเดิมอีก คำตอบก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงองค์กรอิสระก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญเหมือนเดิม ดังนั้นสังคมไทยจึงอยู่ท่ามกลางสังคมอกแตก แต่ละฝ่ายล้วนอึดอัดถ้ารัฐบาลไม่เป็นฝ่ายเสียสละแล้วคำว่าตายก่อนแก้จะเป็นความจริง 

“ผมเรียนกับพี่น้องว่าถ้าตราบใดนักศึกษาสู้ในมหาวิทยาลัย รัฐบาลยังไม่ใช้กำลังปราบปรามและนักการเมืองต้องไม่เข้าไปยุ่ง ผมก็ไม่เข้าไปยุ่ง แต่ถ้าปราบปรามวันไหนวันนั้นก็คือวันของผมต้องเข้าไปยุ่ง”

นายจตุพร คาดว่าในเดือนมีนาคมทั้งเดือนแต่ละมหาวิทยาลัยจะเวียนกันจัดแฟลชม็อบรอบ2 แล้วมาถึงเดือนพฤษภาคม จะพรึบกันหมด เพราะวิวัฒนาการของรัฐบาลแก้ไขปัญหากันไม่ได้ สักเรื่องเงินพันที่แจกก็แก้ปัญหาไม่ได้ ให้หน้ากากยังดีกว่า แต่ไปรวมอยู่ในเจ้าสัวหมดรวยขึ้นๆโรงเหล้าก็รวย ดิวตี้ฟรีก็รวย และทุนที่รวยทั้งหลายเป็นทุนพลังประชารัฐทั้งนั้น แต่ประชาชนกลับจนกันหมด

นอกจากนี้ถ้ารัฐบาลปฎิบัติตามข้อเรียกร้องของนักศึกษา อย่างน้อยเราก็จะได้ยุติวิกฤตอย่างน้อยเราก็จะได้แก้ก่อนตายหากไม่ฟังแล้วยังเดินต่อไป จำปากตนไว้แต่ละข้อจะได้แก้แต่ต้องตายกันก่อนเพราะประเทศไทยมักตายก่อนแก้กันทุกครั้ง 

“วันนี้ผมมาชี้ทางว่าอยู่ต่อไปไม่มีอะไรบวกอีกแล้วสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ เวลาที่เหลือลบอย่างเดียววันใดลบจนไม่มีอะไรเหลือแล้ววันนั้นท่านก็เป็นผู้นำเผด็จการทรราชย์เหมือนในอดีต”

นายจตุพร ทิ้งท้ายว่าวันนี้ต้องเรียนว่าเราเองยังอยู่ในจุดที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิดแล้วพยายามพูดให้คิดเพื่อจะบอกว่าวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในช่วงนับเดือนนั้นเชื่อว่าประเทศนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่อย่างแน่นอน.