‘ปิยบุตร’ ขอประชาชนส่งกำลังใจให้ ‘รังสิมันต์’ ส.ส.ผู้กล้าเจาะกล่องดวงใจระบอบคสช.

นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสตเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

[ ส่งกำลังใจให้ “รังสิมันต์โรม” ถูก “ฟ้องปิดปาก” กรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจเปิดโปง#ป่ารอยต่อเครือข่ายประวิตร]

วันนี้Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาซึ่งมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ5 จังหวัดเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจากการที่รังสิมันต์ได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563

หลังเกิดปัญหาการบริหารจัดการเวลาการอภิปรายจนทำให้ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งถูกยุบพรรคไปไม่กี่วันในขณะนั้นไม่เหลือเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนที่เหลืออยู่เลยอดีตส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จึงย้ายสถานที่มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาต่อที่บริเวณจุดแถลงข่าว

โดยรังสิมันต์ อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผยเครือข่ายประวิตร- ป่ารอยต่อว่าคือการเกาะเกี่ยวกันของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งกลุ่มที่ถืออำนาจรัฐ และกลุ่มที่ถืออำนาจทุนการร่วมกิจกรรมของมูลนิธิป่ารอยต่อฯเสมือนเป็น “ตั๋ว” สำหรับการเข้าไปสู่“ประวิตรClub”

การอภิปรายของรังสิมันต์ คือการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐมนตรีด้วยความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นหลักสำคัญของระบบรัฐสภา นอกจากนี้การอภิปรายของรังสิมันต์ ถือเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย

จึงเห็นได้ชัดว่าการฟ้องหมิ่นประมาทของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ5 จังหวัดต่อรังสิมันต์ในครั้งนี้ถือเป็นการ#ฟ้องปิดปาก(SLAPP) เพิ่มภาระการต่อสู้คดีให้กับผู้วิพากษ์วิจารณ์ เพี่อมุ่งให้หยุดการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

ผมรู้จักรังสิมันต์มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเขาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และผมยังเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่นั่น เห็นเขามาตั้งแต่เป็นนักศึกษา เป็นนักกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร 2557 รณรงค์เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนจนต้องเข้าคุกและมีคดีติดตัวหลายคดีจนวันนี้ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนให้เป็นผู้แทนของพวกเขา

ไม่ว่ารังสิมันต์จะเปลี่ยนบทบาทสถานะอย่างไร แต่ความตั้งใจมุ่งมั่นและความกล้าหาญของเขาในการเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ชื่อของพล.อ.ประวิตรวงศ์ สุวรรณเป็น “ของร้อน” ที่สุดในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมากว่าจะได้ยืนยันว่ามีชื่อพล.อ.ประวิตร อยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วย เราต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ระหว่างทางก็เจอการกดดันจากหลายทิศทาง และด้วยอำนาจอิทธิพลของพล.อ.ประวิตร ส.ส. คนไหนที่จะอภิปรายก็คงต้องรับภาระหนักอย่างแน่นอน

ผมถามรังสิมันต์ว่าพร้อมรับความเสี่ยงไหม? เขายืนยันหนักแน่นว่าพร้อม

ผมเห็นเขาทำงานเตรียมข้อมูลซ้อมอภิปรายอย่างหนักก็อยากเห็นเขาแสดงบทบาท “ผู้แทนราษฎร” อภิปราย “กล่องดวงใจ” ของระบอบคสช. เพื่อประโยชน์ของประชาชนให้ประชาชนได้เห็นว่าระบอบคสช. นี้ดำรงอยู่ได้ด้วยอะไร

จนมาถึงวันสุดท้ายเขากลับไม่มีโอกาสอภิปราย แม้กระทั่งขอชี้แจงเหตุผลขอเวลาประธานในที่ประชุมก็ยังไม่ให้โอกาส

อาจมีใครหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่องดีใจว่าทำภารกิจสำเร็จ save “กล่องดวงใจ” ของระบอบคสช. ได้แต่ความดีใจโล่งใจนั้นแลกมากับการที่ประชาชนไม่ได้โอกาสฟังอภิปรายเปิดเผยเครือข่ายพล.อ.ประวิตร

ดังนั้นเพื่อมิให้ประชาชนเสียโอกาสนี้ และเพื่อมิให้ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในโครงการ “save ประวิตรจากการถูกอภิปราย” ทำสำเร็จรังสิมันต์ จึงเอาตนเองเข้าเสี่ยงอภิปรายนอกสภาที่จุดแถลงข่าว

ใครที่ติดตามการเมืองไทยคงทราบดีว่าการอภิปรายนอกสภาผู้อภิปรายเสี่ยงที่จะถูกฟ้องมากกว่าเพราะไม่มีเอกสิทธิ์ความคุ้มกันได้มากเท่ากับการอภิปรายในสภา แต่รังสิมันต์ยืนยันกับผมว่า “เขาพร้อม” 

เขาบอกว่าหลังจากเขาออกมาต่อต้านเผด็จการคสช. จนเข้าคุกมาหลายครั้งมีหลายคดีติดตัวนั่นทำให้เขาผ่านพ้นความกลัวมาหมดแล้ว

สื่อมวลชนหลายสำนักปฏิบัติหน้าที่ของสื่อที่ดีถ่ายทอดไลฟ์ผ่านทางเพจเฟสบุค จนจบประชาชนเข้ามาดูจำนวนมากและยังมีสื่อที่กล้าหาญเชิญรังสิมันต์ ไปสัมภาษณ์ต่อในรายการ

เป็นไปดังคาดรังสิมันต์ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาท

ประเทศนี้ใครที่อยากมีอำนาจครองอำนาจใช้อำนาจ แต่ไม่อยากถูกวิจารณ์ไม่อยากถูกตรวจสอบก็มักเอา“กฎหมายหมิ่นประมาท” มาเป็นอาวุธปักหลังคนอื่น

ผมขอให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ร่วมกัน ให้กำลังใจสนับสนุนรังสิมันต์โรม ผู้แทนราษฎรที่ปฏิบัติหน้าที่ “ผู้แทน” ของพวกท่านได้อย่างกล้าหาญ

ในอุปรากรเรื่องMariage de Figaro มีตอนหนึ่งFigaro กล่าวว่า”ปราศจากเสรีภาพในการตำหนิติเตียนก็ไม่มีซึ่งคำสรรเสริญเยินยอ”