ส.ส.เป้ เสรีรวมไทย เรียกร้องรัฐบาลเร่งเผยความจริงขบวนการกักตุนหน้ากาก หวังตำรวจจะไม่เอาผิด ‘แหม่มโพธิ์ดำ’

แฟ้มภาพ

นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา หรือ “เป้” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย ได้โพสต์จ้อความผ่านเฟซบุ๊ก Dr.Napaporn Petchinda เมื่อ 15 เม.ย. 2563 โดยมีรายละเอียดเนื้อหาดังนี้

ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับขบวนการกักตุนหน้ากาก โดยเชื่อว่าตำรวจอาจจะไม่เอาผิดกับเพจแหม่มโพธิ์ดำ เพราะสวนทางกับความรู้สึกของประชาขน

ดิฉัน ไม่เห็นด้วยที่ตำรวจพยายามดำเนินคดีกับเพจแหม่มโพธิ์ดำในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จากกรณีการเปิดโปงขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยเห็นว่าเพจดังกล่าวมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้สังคมได้รับรู้ถึงขบวนการที่ทำให้หน้ากากอนามัยหายไปจากท้องตลาด ซึ่งสวนทางกับรัฐบาลที่ยืนยันมาตลอดว่า มีเพียงพอสำหรับกลุ่มแพทย์ พยาบาล รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่จำเป็นต้องใช้

โดยเชื่อว่าการทำหน้าที่ของเพจแหม่มโพธิ์ดำไม่น่าจะมีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงและไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อรัฐบาล แต่น่าจะเป็นการทำหน้าปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่พอจะทำได้ ดังนั้น หากตำรวจยังมีคุณธรรมอยู่ในใจก็ไม่ควรเอาผิดคนที่กล้าเปิดเผยความจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ และไม่ควรทำให้สังคมคิดว่า กำลังมีการใช้กฎหมายอย่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน

“ตอนนี้ต้องยอมรับว่า สังคมมีความข้องใจกับท่าทีของตำรวจที่ไม่เน้นตั้งข้อหากักตุนหน้ากากกับบุคคลที่ปรากฎในคลิปภาพที่ถูกเปิดเผย แต่กลับตั้งข้อหาเรื่องการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยพยายามโยงมาถึงเจ้าของเพจด้วย อย่างนี้จะให้ประชาชนเข้าใจว่าย่างไร เพราะหากคลิปภาพที่ปรากฎถูกกกล่าวหาว่าเป็นเท็จ ก็แสดงว่าไม่มีขบวนการกักตุนหน้ากากอยู่จริง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง

ยังเชื่อมั่นว่าตำรวจจะไม่ทำงานสวนกระแสความรู้สึกของประชาชน และในฐานะที่หัวหน้าพรรคคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ก็เป็นถึง ผบ.ตร.เก่า ก็เชื่อมั่นว่าตำรวจจะทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ ไม่ถูกใครชี้นำไปในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยความจริงเรื่องนี้โดยเร็ว โดยต้องยอมรับว่า หากไม่มีคลิปภาพจากเพจแหม่มโพธิ์ดำ สังคมก็จะไม่ได้รับรู้เรื่องขบวนการกักตุนหน้ากาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หน้ากากอนามัยหายไปจากท้องตลาด ดังนั้นสังคมต้องออกมาช่วยกันปกป้องเพจดังกล่าว ไม่ให้ถูกดำเนินคดีทั้งที่พยายามทำเพื่อสังคม”