ส.ส.เป้ เสรีรวมไทย ลงพื้นที่แจกสิ่งของให้ชาวบ้าน บรรเทาทุกข์โควิด-19

นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา หรือ “เป้” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย โพสต์รูปภาพและข้อความลงบนเฟซ บุ๊กDr.Napaporn Petchinda ว่า “วันนี้ลงพื้นที่ ย่านชุมชนหลังวัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ เพื่อแจกอาหารพร้อมถุงยังชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 และได้นำต้นฟ้าทะลายโจรจำนวนหลายร้อยต้นบรรจุใส่กระถางไปแจกจ่ายให้ประชาชนนำไปปลูกที่บ้านเพื่อเตรียมไว้ดูแลตนเองด้วย เนื่องจากในทางการแพทย์ต้นฟ้าทะลายโจรมีมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสโควิด-19 ได้เพราะครั้งที่ไข้หวัดH5N1ระบาด ก็เคยทำแจกประชาชนมาแล้ว การกินฟ้าทะลายโจรไม่ใช่เพื่อป้องกัน แต่หากเริ่มมีอาการตัวรุมๆ เริ่มไอ ก็ทานเลยไม่ควรเกิน3วัน หากไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ทันที

ได้รับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐบาล เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่ยุ่งยาก เยียวยาล่าช้าไม่ทั่วถึง รวมทั้งความไม่เข้าใจของประชาชนในการลงทะเบียนตั้งแต่ต้น ทำให้หลายคนยังไม่แน่ใจว่า ถึงที่สุดแล้วตัวเองจะได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่

ซึ่งส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่มีมาตรการล๊อคดาวน์มาเกือบ 1 เดือน พวกเขาแทบไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัวเลย เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างรายวันหรือลูกจ้างที่ร้านถูกสั่งปิด จึงมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากแต่ละคนแทบไม่มีเงินเก็บออมเอาไว้ใช้ เพราะเศรษฐกิจก่อนหน้านั้นก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคอยความหวังจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่การแจกเงินก็ล่าช้า จนชาวบ้านรู้สึกเครียดเพราะไม่มีอะไรจะกินหรือไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน

ตอนนี้ทุกคนจึงหวังเพียงแต่ว่า รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์ให้ชาวบ้านทำมาหากินได้บ้างในบางอาชีพที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสได้ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เข้าใจถึงความจำเป็นในการป้องกันตัวเองไม่ให้ส่งผลกระทบต่อส่วนรวม

โฆษก ศบค.พูดว่าต้องปลอดภัยจากโควิดไว้ก่อน เงินทองไว้หาใหม่ได้นั้น ก็ไม่ผิด แต่ต้องไม่ลืมว่า แต่ละคนมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเงินเก็บออมในธนาคาร หากจะให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้านโดยไม่มีเงินซื้ออาหารเป็นเดือน ๆ ก็คงจะอดตายกันหมด ดังนั้น การปลดล็อกอย่างปลอดภัย เพื่อให้ทำมาหากินได้บ้างจึงเป็นสิ่งจำเป็น #นอกจากจะห่วงเรื่องตัวเลขคนติดเชื้อแล้ว #รัฐบาลควรห่วงตัวเลขคนฆ่าตัวตายรายวันประกอบกันด้วย เพราะตอนนี้เกิดขึ้นเป็นรายวัน จนแทบจะกลายเป็นสิ่งปรกติในยุคนี้ไปแล้ว”