‘จตุพร’ ลั่นไม่ต้องการไล่รัฐบาล แต่ต้องการให้รัฐบาลช่วยประชาชน แนะแจกเงินเยียวยาให้ครบ แล้วก็จบเลย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ เมื่อ 26 เม.ย.2563 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลตัดสินใจเลิก พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้คนไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้มาแก้ไขความอดอยาก ต้องเผชิญหน้ากับความหิว แล้วลุกลามบีบคั้นให้ตัดสินใจฆ่าตัวตายถี่ขึ้นแทบทุกวัน

“ทำไมไม่เอาแนวทางที่ ร.10 มอบหมายให้ข้าราชบริพารระดับต่างๆไปมอบถุงยังชีพพระราชทานประชาชนเวลาทุ่ม สองทุ่มทุกหลังคาเรือน เมื่อ ร.10 ทรงวางแนวทางไว้แล้ว รัฐบาลต้องรู้ทันทีว่า ต้องใช้แนวทางนี้ก็จะจบปัญหาการกำหนดระยะห่าง แล้วทำพร้อมกันทั้งประเทศจะเกิดประสิทธิภาพการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนได้”

นายจตุพร ยกภาพความอดอยากมาสะท้อนชีวิตประชาชนในสถานการณ์การแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ว่า ภาพชัดเจนของคนจะอดตายนั้น ต้องดูที่การแจกเงิน แจกอาหาร ซึ่งสะท้อนถึงรัฐบาลเยียวยา ดูแลประชาชนล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

ความล้มเหลวและไร้ศักยภาพของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่ประกาศภาวะฉุกเฉินเพราะไปกำจัดสิทธิ์หารายได้รายรับของคน ทั้งๆที่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดนั้น คนมีความทุกข์จากภัยแล้ง น้ำท่วม แต่การช่วยเหลือจากรัฐกลับไม่ทั่วถึง ดังนั้น ภาพความโกลาหลจึงสะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพการช่วยเหลือเรื่องปากท้องประชาชนอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า รัฐบาลจะต่อฉุกเฉินออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือน และไม่ได้หมายความว่าครบ 1 เดือนแล้วจะไม่ต่ออีก เมื่อมีปัญหาต้องยอมรับความจริงว่า การแจกเงินเยียวยาล้มเหลว การใช้เอไอคัดกรองความช่วยเหลือก็ล้มเหลว อีกทั้งการแจกเงินยังติดปัญหาวันเสาร์-อาทิตย์อีก แต่ความเดือดร้อน ความอดอยากไม่เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ จึงบอกถึงความไม่มีศักยภาพของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ ต้องยอมรับว่า การแจกเงินเป็นไปอย่างล่าช้าแล้ว ก็ควรเอาอย่างประเทศอื่นที่แจกกันอย่างครบถ้วน ดังนั้น เมื่อประชาชนยื่นขอความช่วยเหลือมา 27 ล้านคนก็แจกให้ครบ แล้วยังรอคิวจะแจกเกษตรกรถัดไปอีก แต่ความหิวมันรอใครไม่ได้ ยิ่งประกันสังคมซึ่งเป็นของตายแท้ๆ ยังเป็นปัญหาอยู่ แม้มีเงิน แต่ประสิทธิภาพไม่มี

ประชาชนไม่มีปัญหากับ พรก.ฉุกเฉิน แต่รัฐผู้ประกาศนั้น ไม่สามารถดูแลความเดือดร้อนให้กับเขาได้ การเรียกร้องให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ก็เพราะไม่สามารถทนต่อความอดอยากได้ จนเกิดคนฆ่าตัวตายทุกวัน รับไหวเหรอแบบนี้

“ก่อนหน้านี้ คนฆ่าตัวตายไม่กี่คนต้องเอาเป็นเหตุมาล้มรัฐบาล จะเป็นจะตาย รับกันไม่ได้ แต่การฆ่าตัวตายมากกว่าหลายเท่าในวันนี้ คุณรับได้อย่างไง ผมเข้าใจนายกรัฐมนตรีแบ่งงาน แล้วต้องรับผิดชอบ แต่เห็นแล้วว่าเขาไม่มีศักยภาพ ถ้าต้องการใช้ พรก.ฉุกเฉินต่อ ก็ต้องแจกเงินเยียวยาให้หมดที่ยื่นขอ”

นายจตุพร ย้ำว่า ถ้ารัฐต้องการใช้ พรก.ฉุกเฉินแล้ว ต้องแจกเงินให้หมดให้ครบทุกคนที่ยื่นเยียวยา เกษตรกรก็แจก ประกันสังคมก็ต้องแจก แล้วทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐ อยู่ในมาตรการฉุกเฉิน เพราะกลัวการระบาดของโรคโควิดจะกลับมาอีกเช่นกัน แต่เมื่อไม่มีศักยภาพแล้ว นั่งบริหารประเทศได้อย่างไร เห็นคนต่อแถวจะเหยียบกันตายเพื่อรับการแจกเงินเพียงร้อยเดียวได้อย่างไรกัน

วันนี้ที่น่ากลัวคือการฆ่าตัวตายไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าสถานการณ์ถึงจุดหนึ่ง การลักวิ่งชิงปล้นจะมากขึ้น ซึ่งจะถึงกับต้องฆ่าคนอื่นแล้ว ถ้าไม่ปรับมาตรการ ดังนั้น รัฐบาลมีหน้าที่แก้ไขปัญหาในแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น

“ผมย้ำชัดว่าในเวลานี้ไม่เกี่ยวการเมือง ถ้ารัฐบาลล้มไปก็ไม่เกี่ยวกับผม และวันนี้ผมไม่ต้องการล้มรัฐบาล แต่ต้องการให้รัฐบาลเห็นใจประชาชน ถ้าบริหารประสบความสำเร็จ คนจะไปต่อแถวเอาเงินร้อยเดียวหรือ คนผูกคอตายเยียวยาก็ไม่ได้เพราะตกงาน ไม่มีอะไรกิน มันรันทดทุกขเวทนา ไม่รู้จะอธิบายกันอย่างไรแล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลต้องไม่หลงทาง โดยพยายามล็อกโควิดให้ได้ แต่ล็อกการฆ่าตัวตายไม่ได้ ดังนั้น การฆ่าตัวตายจะทำให้เกิดความโกลาหล ซึ่งคนไม่เคยมีความลำบาก จะไม่มีความเข้าใจคนไม่มีอะไรกิน จะทุรนทุราย เป็นสภาพจนตรอก ไม่มีทางออก มีเพียงอดตายหรือฆ่าตัวตายเท่านั้น

รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิดแล้ว เอไอเมื่อเฮงซวยต้องเลิก มีเงินเท่าไรแจกไป ไม่ต้องทะยอยแจกเป็นชุดๆ เมื่อมีเงินกู้ 1.9 ล้านล้าน ต้องเอามาแก้ปัญหาทั้งหมด และประเทศชาติต้องยุติการลงทุนหนึ่งปี เพราะสภาพที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีทางไปลงทุนอย่างอื่นแล้ว อีกอย่างต้องระมัดระวังอย่ากระทบความรู้สึกของประชาชน เช่น ตัดงบบัตรทอง กับงบสาธารณสุขรวม 3.6 พันล้าน และดีแล้วที่ไม่ทำ ไม่ตัดงบ ถ้าทำก็โง่ที่สุด

“เมื่อไม่สามารถกลั่นกรองคนอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ความหิวรอไม่ได้ ศักยภาพไม่มี ที่จะแจกทั้งประเทศยังไม่มีปัญญา เม.ย.ยังแจกไม่ได้ครบ แล้ว พ.ค.อาการแบบนี้ก็คงไม่ครบอีก อย่างนี้ไหวหรือ ทั้งที่เกษตรกรมีบัญชีชื่ออยู่แล้ว กลับทำเงอะงะ ใช้เอไอเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว แต่ยังโหลยโท่ยอยู่ เอไอประเทศไหนเชื่องช้ายิ่งกว่าสโลโมชั่น และทำผิดแล้วยังโง่ซ้ำซากอีกยังไหวหรือ”

ส่วนความวิตกเรื่องความไม่โปร่งใสนั้น ต้องนำแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งภาคประชาชนเข้าตรวจสอบร่วมกัน โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องเข้าใจชาวบ้านด้วย เมื่อชาวบ้านไม่ได้กินข้าว ตัวเองก็ไม่ได้กินข้าวด้วยเอาหรือไม่ แต่เมื่อคุณกินอิ่มแล้วจะนึกถึงคนไม่ได้กินได้ไง

นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อคนมีแต่ความอิ่มจะไปตัดสินใจความหิวของประชาชนนั้น ย่อมไม่มีความรู้สึก ยิ่งบางคนมีท่าทียโสโอหังแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้คนฆ่าตัวตายมากขึ้น อีกอย่าง ถ้าพิจารณาถึงการจราจรเริ่มหนาแน่น นั่นบอกถึงคนเริ่มดิ้นรนแล้ว แต่เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาความอดอยากของประชาชนได้ รัฐบาลต้องยกเลิกการใช้ พรก.ฉุกเฉิน อย่ากลัว เพราะจะเสียกันไปหมด พรก.ก็ใช้ คนก็อด คนก็ฆ่าตัวตาย

“วันนี้ถ้าแก้ไขปัญหาความอดอยากไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์มาจำกัดสิทธิ์ให้คนอดตาย อีกทั้งสุขภาพคนมาก่อนเสรีภาพหรือ แต่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพจะอดตายหรือ ไม่มีข้าวกินสุขภาพดีหรือไง ซึ่งวันนี้มาอยู่ในจุดเหลื่อมล้ำในความอดอยากกันแล้ว”

รวมทั้ง เตือนว่า รัฐบาลอย่าปล่อยให้ประชาชนเข้าตำรากล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เพราะรัฐบาลเล็กกว่าแม่เยอะ หรือวาทะว่า กองทัพเดินด้วยท้อง นั่นคือท้องกำหนดการเมือง แต่ถ้าคนหิว เมื่อประเทศไทยอยู่ในภาวะความหิว การใช้จ่ายงบประมาณ ระวังกระทบความรู้สึก การซื้ออาวุธเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่มีสงครามไปรบกับใครอยู่แล้ว

อีกอย่าง ผู้ปกครองต้องพูดความจริง ถ้ามีเงินแล้วไม่มีปัญญาแจก ตนว่าไม่ไหวแล้ว ดังนั้นถ้าแจกให้หมดแล้วจบ ถ้าแจกไม่หมดอย่างไงก็ไม่จบ เวลานี้เป็นเวลาแห่งความทุกข์ ไม่ใช่เวลาหาเศษหาเลยทางการเมือง ชุดปฏิบัติการไอโอที่โง่ซ้ำซากต้องพอกันเสียที

“วันอังคารนี้ นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจว่า ถ้าการแจกเงินอยู่ในระนาบแบบนี้ (ล่าช้า แจกไม่มีศักยภาพ) ยกเลิก พรก.ไปเสียเถิด ให้ประชาชนไปดิ้นรนหากินกัน ถ้ายังคงไว้แล้ว ยังมีความอดอยากคู่กับ พรก.ฉบับนี้ ดังนั้น การใช้ พรก.คนยิ่งฆ่าตัวตาย”

นอกจากนี้ แนะนำว่า วันนี้ รัฐบาลภาคภูมิใจกับตัวเลขคนติดเชื้อโควิดกับคนรักษาหาย แต่รัฐละเลยที่จะพูดถึงการฆ่าตัวตาย ละเลยที่จะพูดถึงความอดอยาก ตนว่า ถ้ายังใช้ พรก.ฉุกเฉินต่อไป ซึ่งเชื่อว่า ยังใช้ต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดต้องแก้ไขปัญหาความอดอยาก นายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ พรก.ฉุกเฉินต้องสั่งการให้ผู้ว่าทุกจังหวัด เอาอาหารไปให้เขาทุกพื้นที่ ครบถ้วน ในช่วงประชาชนยากลำบากนี้ ภาพคนรอรับแจกเงินอย่างโกลาหลนั้น ได้สะท้อนความล้มเหลวสิ้นเชิง

“ต้องยกเลิกการคัดกรองทั้งหมดเพราะไปทำลายสิทธิ์ของคนที่อดอยาก อย่างไม่น่าให้อภัยเลย ถ้ามี พรก.แล้วมีคนอดอยาก ยังมีคนฆ่าตัวตาย ผมพยากรณ์ล่วงหน้าเลยว่า ร้อย พรก.ก็หยุดยั้งความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งประชาชนมีความรู้สึกว่า การถูกกำจัดสิทธิ์ แล้วนำพาสู่ความอดตาย แล้วทำให้เขาจนตรอกนั้น วันนั้นรัฐบาลจะรับมือไม่อยู่อย่างแน่นอน ผมไม่ต้องการขับไล่รัฐบาล ผมต้องการให้รัฐบาลช่วยประชาชน พาประชาชนให้รอด และใช้แนวทาง ร.10 ลงกระจายไปทุกบ้านทุกจังหวัดย่อมทำให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ”

นายจตุพร เตือนว่า ถ้ารัฐยังทนอยู่กับข่าวการฆ่าตัวตายของคน การแห่ไปต่อแถวหลายกิโลเมตรเพื่อรอรับการแจกสิ่งของนั้น ยิ่งแถวแจกสิ่งของยาวเท่าไร อายุรัฐบาลยิ่งสั้นเท่านั้น คนฆ่าตัวตายมากเท่าไร อายุรัฐบาลจะสั้นมากเท่านั้น

“วันนี้ไม่ต้องการมีเรื่องกับรัฐบาลแต่ต้องการจะสื่อสารว่า ให้ช่วยประชาชนอย่างตรงไปตรงมา อย่าลีลา อย่าไร้ประสิทธิภาพจนกระทั่งคนทนไม่ไหว”

ขอบคุณข้อมูลจาก PEACE TV