‘จตุพร’ โต้ ‘ไอโอ’ ลั่นตนมีหน้าที่พูดไม่มีหน้าที่ทำ แต่รัฐบาลมีหน้าที่ทำ ถ้าทำไม่ได้-ไม่ดีก็ออกไป

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่าน PEACE TALK เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย โดยเรียกร้องรัฐบาลยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน เพราะจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีเพียง 1 รายต่อเนื่องมาหลายวัน จึงสมควรปล่อยให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติและเสรี

“มีการจินตนาการจะมีการผ่อนปรนระยะที่ 2 จะเปิดห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้นวันที่ 17 พ.ค.นี้ ผมว่า ถ้าเปิดห้างๆได้ ต้องเปิดโรงเรียนได้ เปิดมหาวิทยาลัยได้ หรือคิดว่าเดินห้างๆ ไม่ติดเชื้อไวรัส แต่เดินในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยจะติดเชื้ออย่างนั้นหรือ?”

นายจตุพร ย้ำว่า สถานการณ์แพร่เชื้อโควิด-19 ในวันนี้ ไม่มีความน่ากลัวแล้ว แต่สภาพของปัญหาเศรษฐกิจที่อยู่ในขั้นโคม่ามาตั้งแต่การยึดอำนาจและน่ากลัวกว่า เพราะประชาชนไม่รู้จะดำรงชีพกันอย่างไร ดังนั้น สิ่งที่ควรดำเนินการก่อนคือ ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน เปิดประเทศให้คนไทยใช้ชีวิตเพื่อปรับตัวรับมือกับสงครามเศรษฐกิจในอนาคต

“เมื่อติดเชื้อโควิดภายในประเทศดีขึ้น ควรเลิก พรก.ฉุกเฉิน ให้คนไทยได้ใช้ชีวิตทำงานกันเสรี ได้ปรับตัวกัน หากรัฐบาลไม่พอใจ ถ้าเห็นสถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยงอยู่ก็ประกาศ พรก.ฉุกเฉินใหม่ได้ เมื่อไม่ยกเลิกแล้ว ถามว่ากลัวอะไร กลัวการเมือง กลัวแฟลชม็อบเหรอ แต่ถ้าปล่อยให้อัดอั้นไว้ จนสะสมความทุกข์มาก นั่นเท่ากับสร้างแฟลชม็อบให้ใหญ่ขึ้น ดังนั้น ต้องปล่อยให้คนคลายอึดอัด มีช่องทางได้หายใจให้สะดวกขึ้นบ้าง”

อีกทั้ง กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลอย่ากลัวถ้ายกเลิก พรก.ฉุกเฉิน คนจะมาชุมนุม เพราะเมื่อยิ่งกลัวก็ไม่เลิก พรก. และเท่ากับยิ่งสะสมปัญหา อย่างไรก็ตาม ถ้าเปิดประเทศอาจจะมีการชุมนุมบ้างแต่คนน้อย หากอั้นไว้จะยิ่งทำให้คนมาร่วมชุมนุมจำนวนมากขึ้นได้ เหตุนี้รัฐบาลต้องเปิดประเทศให้เกิดการระบายปัญหาความอัดอั้นจะดีกว่าใช้ พรก.ฉุกเฉิน และปิดปากด้วยเงินเยียวยา 5,000 บาท

การประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้เมื่อสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 เปลี่ยนไปในด้านดีขึ้นแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะมาอ้างจุดเล็ก คือคนติดเชื้อวันละ 1 รายมาทำให้คนทั้งประเทศเดือดร้อนกันไปหมด

“วันนี้ประเทศไม่ต้องใช้ พรก.ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งจะได้เดินไปข้างหน้าในท่ามกลางความยากลำบาก นายกรัฐมนตรีเชื่อทีมเศรษฐกิจของท่านมีฝีมือเหรอ ท่านเชื่อหรือเปล่า ในฐานะท่านเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจท่านรู้ดีที่สุดว่า คนของท่านมีความสามารถมากน้อยเพียงใด”

พร้อมย้ำว่า ถ้าประชาชนไม่มีทางออก อยู่ในภาวะจนตรอก เมื่อมีแฟลชม็อบในรั้วมหาวิทยาลัย ถามว่าคนจะไปไหน ตนเชื่อว่าท่านก็รู้ จึงต้องขยายสถานการณ์ฉุกเฉินไปเรื่อยๆ ดังนั้น วันนี้ควรเปิดทุกอย่าง ปิดเพียงเส้นทางเข้าประเทศอย่างเดียว

นายจตุพร กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า โควิด-19 ได้สร้างความเสียหายให้ไทยหลายรูปแบบทั้งทางเศรษฐกิจ และชีวิตสังคม คนไทยมีภาวะเครียด ไร้ทางออก ตัดสินใจฆ่าตัวตายต่อเนื่องและจำนวนเริ่มมากกว่าคนตายจากติดเชื้อโควิด-19 แล้ว

สำหรับรัฐบาลเยียวยาเงิน 5,000 บาทต่อเดือนติดต่อกัน 3 เดือนนั้น ตนสงสัยว่า เงินเยียวยาสามารถยังชีพคนต่อเดือนได้หรือไม่ แต่ความจริงแล้ว ไม่สามารถยังชีพได้แน่นอน เพราะค่าครองชีพของไทยสูงมาก อีกทั้ง หลังได้รับเยียวยาครบ 3 เดือนแล้ว คนไทยจะอยู่กันอย่างไร ดังนั้น ปัญหาใหญ่ของไทยอยู่ที่อนาคตหลังพ้นวิกฤตโควิด-19 คือ คนจะมีงานทำหรือไม่ และถ้ายังตกงานอีก เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

“ผมเคยเตือนแล้วว่า ถ้าโรงงาน เจ้าของธุรกิจทยอยปิดกิจการกันมากขึ้น ภาพการฆ่าตัวตายจะเปลี่ยนไปเป็นการก่ออาชญากรรม จี้ ชิง ปล้นคนอื่นแทน ซึ่งรัฐต้องคิดถึงและเตรียมรับมือในสภาพการณ์แบบนี้ไว้”

ส่วนพวกไอโอ ตำหนิว่าเอาแต่พูด แต่ไม่ทำนั้น ตนบอกมาตลอดว่า ไม่มีสิทธิ์ในการทำ แต่ตนมีสิทธิ์พูดในฐานะประชาชน เพราะตนเป็นคนพูด ไม่ใช่คนทำ ถ้าคนทำไม่อยากทำหรือทำไม่ได้ก็ออกไป ให้คนอื่นไปทำ ประเทศประชาธิปไตยก็เป็นกับแบบนี้