ประเวศ วะสี : โลกหลังโควิด-โลก 7 N

ศ.(เกียรติคุณ) นพ.ประเวศ วะสี เผยแพร่บทความ “โลกหลังโควิด-โลก 7 N” โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.จิตสำนึกใหม่ (New Consciousness) เป็นจิตสำนึกใหญ่ ที่หลุดออกจากสภาวะเดิมอันเล็กและคับแคบ จากการที่เห็นโลกทั้งโลก ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกระทบกระเทือนจากไวรัสตัวเล็กนิดเดียวเพราะสรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยงกว้างใหญ่ไพศาล จิตสำนึกใหญ่ทำให้หลุดเป็นอิสระจากการถูกบีบคั้นอยู่ในความคับแคบ เหมือนคนที่ออกจากคุกอันจำกัดและบีบบังคับออกมาสู่โลกกว้าง ทำให้เห็นความจริง มีความแจ่มแจ้ง มีความสุขมีศักยภาพ หรือเรียกว่ามีชีวิตจิตใจใหม่ ที่ทำให้สิ่งใหม่อื่นๆ เกิดตามมา

2.การรับรู้ใหม่ (New Perception) การรับรู้เป็นฐานการคิด การรับรู้ที่ผิดนำไปสู่การคิดผิดๆ ความจริงคือสรรพสิ่งเชื่อมโยงเป็นทั้งหมดหรือองค์รวม (Wholeness) หนึ่งเดียวกัน การรับรู้แบบแยกส่วน คิดแบบแยกส่วน ทำแบบแยกส่วน คือต้นเหตุของการเสียสมดุล และความรุนแรงในโลกยุคเก่า การรับรู้ใหม่ตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ว่าสรรพสิ่งอยู่ในความเป็นทั้งหมดเดียวกันจะทำให้ตระหนักรู้ว่ามนุษย์ทั้งผองพี่น้องกันอยู่ในองค์รวมหรือร่างกายเดียวกัน

3.วิธีคิดใหม่ (New Thinking) วิธีคิดเก่าคือคิดแบบแยกส่วน วิธีคิดใหม่คือคิดแบบบูรณาการ (Integration) การแยกส่วนทำให้ขาดบูรณาภาพและเสียสมดุล การบูรณาการทำให้เกิดบูรณภาพและดุลยภาพ 4.การทำใหม่ (New Action) การทำเก่าคือการทำแบบแยกส่วน การทำใหม่คือ การพัฒนาอย่างบูรณาการ (Integrated development) การชำแหละออกเป็นส่วนๆ เช่น ชำแหละโค ชำแหละสุกร ทำให้สิ้นชีวิต ชีวิตคือการเชื่อมโยง การพัฒนาคือการเชื่อมโยง หรือบูรณาการทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน

5.ความมุ่งหมายใหม่ (New Purpose) คือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสมดุล (Living Together) ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติแวดล้อม ไม่ใช่การแข่งขัน การสร้างความมั่งคั่ง การเอาชนะแบบเก่าๆ ซึ่งนำไปสู่การแตกสลายทางสังคมและการเสียสมดุล การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสมดุลต้องเป็นสิ่งสูงสุดที่กำหนดระบบต่างๆ ให้สนอง เช่น ระบบเศรษฐกิจและการเมือง ไม่ใช่เอาระบบเศรษฐกิจที่ผิดๆ เป็นตัวตั้งอย่างที่แล้วมา แล้วไปทำให้การอยู่ร่วมกันแตกสลายหักพัง การอยู่ร่วมกันอย่างสันติจึงสำคัญสูงสุด

6.ระบบการอยู่ร่วมกันใหม่ (New System of Living) ระบบเศรษฐกิจที่ผิดในยุคสมัยที่ผ่านมาอันเกิดจากการคิดแบบแยกส่วน ขาดความคิดเชิงองค์รวมว่าทั้งหมดเป็นส่วนของร่างกายเดียวกัน จะปล่อยให้ส่วนใดส่วนหนึ่งขาดโลหิตไปหล่อเลี้ยงมิได้ มีความเห็นผิดว่าระบบเศรษฐกิจคือการแข่งขันเสรีเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ทำให้สังคมแตกกระจาย (Social Disintegration) เหลื่อมล้ำ เป็นตะปุ่มตะป่ำ ไม่สมดุล บีบคั้น อย่างชวนเวทนา ลองดูสลัมคนจนในสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่าง

สังคมยุคใหม่หลังโควิด-19 ที่ใช้หลักคิดองค์รวม บูรณาการ และความมุ่งหมายใหม่ ว่าเป็นสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสมดุล (Living Together) จะมีการจัดระบบใหม่ ที่มีชุมชนแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ขนาดต่างๆ ให้เลือก ตั้งแต่ชุมชนเล็กสุดๆ มีคนไม่กี่คน ขนาดเล็ก ขนาดกลางขนาดใหญ่ ไปจนถึงชุมชนโลก (World Community) โดยแต่ละชุมชนมีความเป็นองค์รวม (Holistic) ของตัวเอง และทั้งหมดสัมพันธ์กันแบบ Chaordic

ตรงนี้ ควรทำความเข้าใจเรื่องส่วนย่อย (Parts) กับองค์รวม (Whole) ซึ่งมีหลายระดับ เช่น สสารต่างๆ(ส่วนย่อย) กลายเป็นเซลล์ (องค์รวม), เซลล์หลายๆ เซลล์(ส่วนย่อย) กลายเป็นอวัยวะ (องค์รวม), อวัยวะหลายๆ อวัยวะ (ส่วนย่อย) กลายเป็นคน (องค์รวม) เป็นต้น เมื่อมีความเป็นองค์รวมจะมีคุณสมบัติใหม่ อันมิใช่คุณสมบัติของส่วนย่อยผุดบังเกิด (Emerge) ขึ้น

เช่น เซลล์มีคุณสมบัติใหม่คือมีชีวิต ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติของส่วนย่อยคือ สสาร หรืออวัยวะ เช่น สมอง และหัวใจ มีคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ที่มิใช่คุณสมบัติของส่วนย่อยคือเซลล์ หรือองค์รวมของร่างกายทั้งหมดมีความเป็นคน ซึ่งมีคุณสมบัติอันมหัศจรรย์เหนือส่วนย่อยคืออวัยวะต่างๆ ชุมชนขนาดเล็ก ก็มีความเป็นองค์รวมของตนเอง (Holistic) ชุมชนขนาดเล็กหลายๆ ชุมชนอาจรวมเป็นองค์รวมขนาดใหญ่ขึ้น จะเรียกว่าท้องถิ่นหรืออะไรก็แล้วแต่ ท้องถิ่นขนาดเล็กหลายท้องถิ่นรวมเป็นท้องถิ่นขนาดใหญ่ ก็เป็นองค์รวมอีกขนาดหนึ่ง

แต่ละองค์รวมมีคุณสมบัติใหม่ผุดบังเกิดขึ้น ในความเป็นองค์รวม เหมือนร่างกายของเราเมื่อมีความเป็นองค์รวมหนึ่งเดียวย่อมเกิดความบรรสานสอดคล้อง (Harmony) ความสมดุล ความเป็นปกติสุข เกิดภูมิคุ้มกัน และเกิดการก้าวข้ามข้อจำกัด (Transcendence) สภาวะก้าวข้ามข้อจำกัดนี้บางทีก็เรียกว่า มิติทางจิตวิญญาณ (Spirituality) Spiritualityเป็นพลังชีวิตที่ทำให้มีปีติสุข และศักยภาพเหนือวัตถุ

ฉะนั้น ในชุมชนทั้งเป็นองค์รวมแต่ละขนาดจึงมีลักษณะ Holistic Harmony สมดุล ปกติสุข ภูมิคุ้มกัน พลังทางจิตวิญญาณ หรือสภาพก้าวข้ามข้อจำกัดเป็นระบบการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสมดุล(Living Together) เป็นปกติสุขและมีศักยภาพอย่างยิ่ง ส่วนที่บอกว่าชุมชนองค์รวม (Holistic community) ขนาดต่างๆ เหล่านี้สัมพันธ์กันแบบ Chaordic หมายถึงชุมชนองค์รวมขนาดต่างๆต่างเป็นอิสระ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใครเข้ามาสัมพันธ์กันด้วยความสมัครใจโดยการเรียนรู้ร่วมกัน และเกิดประโยชน์ร่วม

แต่ที่เรียกว่า Chaordic เพราะเมื่อไม่มีอำนาจควบคุม เริ่มต้นจะโกลาหลจนวิกฤติ เนื่องจากไม่สามารถสลัดออกจากอำนาจของสมองส่วนหลังได้เพราะคิดเชิงอำนาจ สัมพันธภาพเชิงอำนาจ และโครงสร้างอำนาจ เมื่อโลกวิกฤติมากขึ้นๆ โควิดก็มากระชากจิตสำนึกอย่างแรงให้เปลี่ยนไปใช้สมองส่วนหน้า หรือสมองแห่งความเป็นมนุษย์ ดังนั้นโลกยุคใหม่หลังวิกฤติโควิด-19 จึงเป็นโลกแห่งการใช้สมองส่วนหน้า หรือสมองแห่งความเป็นมนุษย์

“ธรรมชาติสร้างสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) อยู่ตรงหลังหน้าผาก ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้มนุษย์มีปรีชาญาณเหนือสัญชาตญาณอย่างสัตว์เลื้อยคลาน ที่ควบคุมโดยสมองส่วนหลัง รอคอยให้มนุษย์ก้าวข้ามข้อจำกัด (Transcending) ในตัวเองมานานแล้ว สมองส่วนหน้าทำให้มนุษย์มีศักยภาพสูงสุด แต่มนุษย์ชาติก็ติดอยู่ในอำนาจสมองสัตว์เลื้อยคลานมานาน”

มนุษย์ชาติจะใช้ศักยภาพสูงสุดแห่งความเป็นมนุษย์ สร้างระบบแห่งการอยู่ร่วมกันใหม่ (Chaos) แต่ต่อมา

จะจัดระเบียบลงตัวเอง (Order) Chaos (ความโกลาหล) + Order (การจัดระเบียบ) = chaordic ความสัมพันธ์แบบนี้ให้ความสุข ความสร้างสรรค์ และสันติอย่างยิ่ง ต่างจากสัมพันธภาพเชิงอำนาจ ที่นำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง เช่น ระหว่างศาสนา ลัทธิ อุดมการณ์ สีผิว อย่างที่เป็นไปในโลกปัจจุบัน

สัมพันธภาพใหม่แบบ Chaordic เป็นการถอนตัวจากโครงสร้างอำนาจไปเป็นโครงสร้างเชิงธรรม (ชาติ) ที่เคารพความหลากหลาย ทุกชุมชนองค์รวมมีสิทธิ์และศักดิ์ศรีในการอยู่ร่วมกันตามความเชื่อ คุณค่า ลัทธิ อุดมการณ์ของตนไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร สังคมในระบบChaordic จึงปราศจากความขัดแย้งในระบบความเชื่อ คุณค่า ลัทธิ อุดมการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง สีผิว ฯลฯ เกิดสันติสมดุลท่ามกลางความหลากหลายสุดประมาณ ความเป็นองค์รวมแต่ละระดับจะมีคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ที่ทำให้ก้าวข้ามข้อจำกัดในตัวเอง(Transcendent)

7.ยุคใหม่ของมนุษยชาติ (NewEra of Mankind) วิกฤติโควิด-19 ส่งสัญญาณการสิ้นสุดของยุคเก่าที่ผิดธรรมชาติ เริ่มต้นสู่ยุคใหม่ที่มนุษย์หันมาใช้ศักยภาพสูงสุดของความเป็นมนุษย์ เกิดจิตสำนึกใหม่ เข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ ตามลำดับ N1 N2 N3 N4N5 จนกระทั่งถึง N6 สามารถสร้างระบบการอยู่ร่วมกันใหม่ ที่ถือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสมดุลเป็นสิ่งสูงสุด ที่กำหนดระบบเศรษฐกิจ การเมือง และอื่นๆให้สนองตอบความมุ่งหมายของสิ่งสูงสุดไม่ใช่เอาระบบเศรษฐกิจที่ผิดมาเป็นสิ่งสูงสุด แล้วผลักดันสังคมให้แตกกระจายและเสียสมดุลอย่างในยุคที่ผ่านไป

ดั่งนี้ โลกก็จะเกิดบูรณภาพและดุลยภาพ ท่ามกลางความหลากหลาย มีปกติสุขและความยั่งยืนเป็นอารยธรรมใหม่ที่จะผุดบังเกิดขึ้นหลังวิกฤติโควิด-19 ส่วนยุคใหม่ของมนุษยชาติจะมีชื่อเรียกว่าอะไร ถ้ามนุษย์จำนวนมากได้สัมผัสคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ของความเป็นองค์รวม นามก็จะปรากฏขึ้นเอง!!!