‘สุภรณ์’ เจ็บปวด 10 ปีที่แล้วนำม็อบเสื้อแดง ‘พาคนไปตาย’ เพื่อใครบางคน วอนเพื่อนกลับใจสังคมพร้อมให้อภัย

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือคนเสื้อแดง ได้ออกมาเปิดเผยถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงก่อนที่จะถูกสลายการชุมนุม ซึ่งครบ 10 ปีในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่าเราต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันแบบไม่มีอคติกล่าวหาใส่ร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือพูดเพื่อทำลายบรรยากาศให้บ้านเมืองมันมีปัญหาความขัดแย้งกลับขึ้นมาอีกเหมือนในอดีตมันได้ประโยชน์อะไร

นายสุภรณ์ หรือแรมโบ้อีสาน เรียกร้องไปยังนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปชซ่าในฐษนะเพื่อน ให้ลองไตร่ตรองตั้งสติดูว่าตนพูดผิดหรือพูดถูก ยิ่งนายจตุพรพูดยิ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยมีแต่จะสร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมา พวกเราน่าจะนำบทเรียนความขัดแย้งในอดีตที่ถูกกล่าวหาต่างๆนานานำมาเป็นบทเรียนเตือนสติเตือนใจที่จะร่วมมือกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความสามัคคีให้ได้ไม่ดีกว่าหรือ เพื่อพิสูจน์ตนเองไม่เป็นอย่างที่คนอื่นกล่าวหา หรือไม่ก็กล้ายอมรับการความจริงแบบลูกผู้ชายไปเลยว่าเราเดินทางผิดคิดผิดไปแล้วเราผิดพลาดจริงๆไม่เห็นต้องไปกลัวอะไร

“กลับมีมุมมองว่าถ้าคนเราเดินผิดคิดผิด เรากลับตัวกลับใจคิดใหม่ทำใหม่ สังคมยังให้โอกาสให้อภัยเราได้เสมอ”อดีตแกนนำนปช. กล่าว

แรมโบ้อีสาน กล่าวต่อว่าเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเมื่อปี 52 และ 53 ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับพวกเราว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นเช่นไร ยิ่งให้ตนพูดยิ่งจะเป็นการเผาพวกเดียวกัน อย่าให้ตนพูดเลย สุดท้ายประชาชนจะกล่าวหาว่า พวกเราเองต่างหากหลอกเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือเป็นเกาะกำบังเรียกร้องคร่ำครวญหาประชาธิปไตย จนกระทั่งถูกยัดเยียดข้อหาพาประชาชนไปตาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ใครบางคน

“ผมอายเขายิ่งผมพูดจะยิ่งเห็นธาตุแท้ของใครบางคนที่ทำกับพวกเราและยิ่งบาปกันไปใหญ่ ผมเองก็สุมแน่นเต็มหน้าอกไม่เคยคิดอยากระบายกับใคร ขณะนี้เวลานี้สมองคิดอย่างเดียว อยากไถ่บาปอยากกลับเนื้อกลับใจ อยากใช้ชีวิตและลมหายใจที่เหลืออยู่ตอบคุณแผ่นดิน หมั่นเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลให้วีรชนทุกคนที่ล่วงลับได้อโหสิกรรมให้พวกเราทุคน” อดีตแกนนำเสื้อแดงกล่าว

นายสุภรณ์ กล่าวว่า ตนจึงฝากถึงเพื่อนรักตู่จตุพร ขอเป็นคำพูดที่เพื่อนเตือนสติเพื่อน ขอให้ใช้สติทบทวนให้หนักแน่นค่อยๆคิดทบทวนตัวเองเพราะชีวิตจริงไม่มีใครักเราเท่ากับตัวเราเอง บทเรียนสอนใจความเจ็บปวดในชีวิตคงเตือนสติเพื่อนให้หยุดพอได้แล้ว มีอะไรคุยกันปรึกษากัน เพื่อนคนนี้ยินดีพาเพื่อนไปสู่หนทางที่พบความสงบในชีวิต เรามา สร้างบุญกุศลให้ประเทศชาติประชาชนร่วมกันก่อนสิ้นลมหายใจ เพราะชีวิตนี้ไม่มีใครรู้ว่าเราจะจากโลกใบนี้ไปวันใหน ชีวิตนี้ไม่มีใครรู้วันตายของตัวเราเองอาจจะช้าหรือเร็วแล้วแต่ชะตากรรม แต่ชีวิตที่ยังดำรงเหลืออยู่ในปัจจุบันเรามาทำความดีเพื่อตอบแทนพระคุณแผ่นดินที่ให้เราเกิดมา.