‘จตุพร’ เตือน ‘ถวิล’ อย่าแกะแผลเป็นเสื้อแดง ต้องการประหัตประหารกันใหม่หรือ ลั่นนัดมาถ้าจะเอาความจริง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ผ่าน “Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์” ในรายการ PEACE TALK โดยกล่าวถึงการชุมนุมเมื่อพฤษภา 2553 ว่า เมื่อพฤษภาปีนี้ เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของเหตุการณ์ชุมนุม ซึ่งคนเสื้อแดงผ่านเรื่องราวมากมาย และได้นัดหมายพี่น้องผู้ร่วมต่อสู้ ร่วมเป็นร่วมตายในเหตุการณ์ชุมนุมพฤษภา 2553 ได้เชิญชวนกันมาร่วมทำบุญทั้งแผ่นดินเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้วีรชนผู้ล่วงลับ เสียชีวิต โดยใครสะดวกที่ไหน ก็ทำบุญได้ทุกที่ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม นับแต่มีการยิงแสงเลเซอร์ “ตามหาความจริง” ในวาระ 10 ปีพฤษภา 2553 นั้น ขณะเดียวกัน กลุ่มคนบางกลุ่มเริ่มจุดพลุการชุมนุมมาตอกย้ำอีก ดังนั้น คนที่เป็นคู่กรณีและที่มีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์ชัดเจนต่อกัน โดยเฉพาะนายถวิล เปลี่ยนศรี ส.ว.และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเป็นอดีต เลขานุการ ศอฉ. (ปี 2553) ซึ่งนำรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เหยียบย่ำกันนั้น

ตนในฐานะประธาน นปช. ต้องอธิบายและขอบอกว่า ทุกสิ่งที่อ้างว่าเป็นความจริง แล้วตอกย้ำซ้ำๆหลายครั้ง แต่ในตอนจบล้วนเป็นคำพูดโกหก เพราะไม่สามารถไปหักล้างผลตรวจสอบ การชันสูตรพลิกศพคนตายของศาลที่ชี้ว่า เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งศาลยืนยันว่าไม่มีชายชุดดำในเหตุการณ์คนเสื้อแดงถูกลอบยิงในวัดปทุมวนาราม

ดังนั้น เราอยากบอกว่า 10 ปีมานั้น มีการพยายามแกะแผลเป็นเหตุการณ์พฤษภา 2553 ซึ่งเปิดมาเมื่อไรก็เป็นเรื่องกันได้ทุกครั้ง แม้เราพยายามบอกหมู่มิตรอย่าตื่นเต้นกับฝ่ายตรงข้ามพยายามปลุกคนเสื้อแดงออกมา แต่เมื่อทุกคนรู้ความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ต้องระมัดระวังวิธีการที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันอีก

นายจตุพร เชื่อว่า ประชาชนร่วมชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภา 2553 นั้น มาเรียกร้องให้ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจที่ได้มาไม่ถูกต้องได้กลับมาสู่เจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพวกตนไม่ได้เรียกร้องประโยชน์หรือแสวงหาอำนาจเพื่อตนเอง

แต่ 10 ปีผ่านมานั้น มีการกล่าวหาซ้ำๆไม่เคยเปลี่ยนว่า คนเสื้อแดงถูกจ้างให้มาตาย ตนบอกเสมอว่า ในโลกความจริงไม่มีใครจ้างใครให้ไปตายได้ นอกจากจ้างให้คนไปฆ่าคนให้ตายนั้นได้ ซึ่งในข้อเท็จจริง อีกทั้งทุกศพที่ผ่านการตรวจพิสูจน์แล้ว ไม่มีเขม่าดินปืนด้วยซ้ำไป รวมทั้ง ตนได้บอกมิตรเสมอให้อยู่ด้วยความระมัดระวัง เจียมตัว ไม่ได้อยู่แบบคับแค้น แต่กลับถูกกล่าวหา จึงต้องลุกขึ้นมาอธิบายความกัน และระวังไม่ให้เกิดการฟัดกัน

“ผมไม่ได้ปลุกคนเสื้อแดง แต่คนที่ปลุกคนเสื้อแดงคือคนที่เล่นงานคนเสื้อแดงอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะไปรื้อแผลเป็นของเขา มาปีนี้ คุณถวิลกลับฟื้นฝอยหาตะเข็บอีก จะเอาจริงหรือ พร้อมแล้วเหรอ นัดหมายมาจะเอากันให้ชัดเจน ไม่มีปัญหาอะไรเลยในเรื่องข้อเท็จจริงต่างๆ เมื่อคุณมีทัศนอยู่ฝ่ายตรงข้าม อยู่ฝ่ายปราบปราม แล้วคุณจะพูดหาอะไรกัน ต้องการมาประหัตประหารกันใหม่หรือ แล้วคุณได้อะไร”

นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อบ้านเมืองและประเทศอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ประชาชนเดือดร้อน เราไม่ควรมาประหัตประหารกันอีก หากไม่ระมัดระวังท่วงทำนองกันแล้ว 10 ปีนี้จะมีเรื่องกันใหม่ ถ้ารู้อยู่เต็มอกแล้วว่า อะไรเกิดขึ้น ความจริงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ ความตาย บาดเจ็บ การสูญเสียทุกอย่างในชีวิต

อีกทั้ง กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เราอยู่ในโลกความจริง มีความตายจริง ประชาชนยังเป็นประชาชนอยู่วันยังค่ำ แม้เปลี่ยนผู้ปกครองคนแล้วคนเล่าก็ตาม ถ้าวันนี้คนตายได้รับความยุติธรรมแล้ว ตนยังพูดอีกก็ถือว่าใช้ไม่ได้ แต่คนตายยังมีแต่ความอยุติธรรม กลับถูกตอกย้ำให้เกิดความขัดแย้งกันอีก

“พวกคุณรื้อฟื้นขึ้นมาอีก คนบางคนอยู่ในกลไกของรัฐ ของอำนาจ ในพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะถ้าไม่ระมัดระวังก็ยิ่งต้องฟัดกันขึ้นมาใหม่ เราต้องโต้ตอบ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องการต่อสู้และมีคนตาย มีการสูญสิ้นอิสรภาพ มีผู้บาดเจ็บ มีเรื่องราวมากมาย มีเรื่องอยุติธรรมเกิดขึ้น เราจึงต้องลุกขึ้นมาอธิบายความอย่างระมัดระวัง”

นายจตุพรย้ำว่า “วันนี้คุณมารื้อแผลเป็นในหัวใจประชาชนที่มันร้าวลึก เจ็บลึก บอกไว้ก่อนพวกคุณนั่นละที่จะเป็นปลุกคนเสื้อแดงให้ตื่นขึ้นมา ถ้าตื่นแล้วคุณต้องการอะไร ในสถานการณ์บ้านเมืองวิกฤตแบบนี้ ส่วนเรารู้บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ไหน จึงใช้ท่วงทำนองอย่างระมัดระวัง ถ้าจะรบกันไม่ยาก แล้วคุณเลี้ยวมาทำอะไร”

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า วันที่ 17 พ.ค. ผู้รักประชาธิปไตย ไปพบกันที่สวนสันติพร เวลา 9.00 น เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วีรชนคนตายพร้อมกัน