บิ๊กองค์กรประชาธิปไตย หนุนพลังคนรุ่นใหม่ เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลแก้รธน.-ใช้รัฐสภาหาทางออกจากวิกฤติ

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่าผมขอให้กำลังใจและสนับสนุนพลังของเยาวชนคนหนุ่มสาวของชาติที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตของตนเองและเรียกร้องให้รัฐบาลเกิดการเปลี่ยนแปลง ยุติการคุกคามประชาชนที่เห็นต่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา

ผู้นำประเทศนี้และพรรคการเมืองควรฟังเสียงของเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น เพราะเขาต้องการกำหนดอนาคตของสังคมที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่เองอีกนานหลายปี ส่วนคนรุ่นเก่าก็นับวันชีวิตจะหายไปและเหลือเวลาน้อยลง แม้ว่านี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างผู้คนรุ่นต่อรุ่น แต่การมองเห็นอนาคตของลูกหลานในสังคมที่น่าอยู่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ล้วนเป็นความปรารถนาของผู้เป็นพ่อแม่ผู้แก่ชราด้วยเช่นกัน

แม้ว่าการชุมนุมเมื่อวานนี้จะชุลมุนไปหน่อย ขาดการควบคุมการชุมนุมที่เข้มงวดและทิศทางในการปราศรัยที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพกับข้อเรียกร้อง ไม่สุ่มเสี่ยง มีวาระที่ชัดเจน และสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะกับการชุมนุมค้างคืน ผมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรเข้ามาจัดการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ในการชุมนุมโดยสันติและปลอดภัยตามหลักสากล โดยร่วมกับแกนนำการชุมนุมตรวจคัดครองอาวุธและดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบต่อไปในครั้งหน้า

สำหรับทางออก ผมขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ประชุมหาทางออกจากวิกฤตการณ์ด้วยกันในระบบรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของเยาวชนนิสิตนักศึกษา และเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลเพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.ทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขกติกาที่เป็นธรรมสำหรับการเลือกตั้งที่บริสุทธ์ยุติธรรมในอนาคต นำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งและการปรองดองของสังคมที่แตกแยกอย่างแท้จริง

รวมถึงกำหนดเงื่อนไขกรอบเวลาในการทำงานตามภารกิจที่เหลืออยู่ให้ชัดเจน หากพรรคร่วมรัฐบาลเห็นแก่บ้านเมืองก็ควรผลักดันให้มีการเปลี่ยนตัวนายกและคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามเจตจำนงเดิมของสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ ส.ว.เว้นวรรคหรือยกมือสนับสนุนเพื่อชาติบ้านเมือง ก่อนที่จะสายเกินไปและลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ ซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ต้องยุบสภาในทันที

เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่ารัฐบาลภายใต้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติได้แล้วและไม่มีความเหมาะสมเพียงพอในเวลานี้ การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งชุดขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองทั้งหลายจะร่วมมือกันในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกแล้ว อย่าปล่อยให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยวอยู่บนท้องถนน.