พิภพ ธงไชย : ปี ๒๕๖๓ หรือปี 2020 สภาพของสังคมไทยในปีใหม่

นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)เผยแพร่บทความเรื่อง “ปี ๒๕๖๓ หรือปี 2020 สภาพของสังคมไทยในปีใหม่” โดยมีรายละเอียดดังนี้

๑. ”ลัทธิชังชาติ”จะถูกขยายตัวโดยกลุ่ม”อนุรักษ์นิยม”ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านความคิด”กบฏของคนรุ่นใหม่” โดยคิดว่า”พรรคอนาคตใหม่”จะเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มกบฏ ทำให้สภาพการณ์จะย้อนยุคกลับไปสู่ยุค”๑๔ ตุลา. ๑๖ – ๖ ตุลา.๑๙ แต่สมัยนั้นมี”ลัทธิคอมมิวนิสต์”เป็นแกนกลาง ขณะที่สมัยนี้มี”รัฐทหาร”เป็นแกนกลาง จึงเป็นการต่อสู้ระหว่าง”รัฐทหาร”กับ”รัฐประชาธิปไตย” แต่จะไม่นำพาไปสู่”ระบอบสาธารณรัฐ”ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเกรงกลัว ตราบใดที่เรามีความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเสาหลักของประเทศอยู่

๒. ความขัดแย้งระหว่าง”กลุ่มทุนจีนเก่า”กับ”กลุ่มทุนจีนใหม่” จะเริ่มต้นเห็นชัดมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างกลุ่มทุนจีน ๒ กลุ่มนี้ คือกลุ่มทุนจีนเก่ามาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี และเป็นคนจีนที่หนีภัยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ผิดกับกลุ่มทุนจีนใหม่ ที่มี”ทุนนิยมโดยรัฐ”หนุนหลังอยู่ กับพลังคนจีนกว่า ๑,๕๐๐ ล้านคน กดดันให้คนจีนต้องทะลักออกนอกประเทศ เข้ามายึดกิจการต่างๆ ที่กลุ่มทุนจีนเก่าครอบครองไว้ และจะกลืนกินประเทศไทยด้วยกฎหมายที่อ่อนแอและมีช่องโหว่ ที่เปิดช่องให้ยึดแผ่นดินไทยและธุรกิจในประเทศไทยได้ง่าย จนแผ่นดินไทยอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนได้ในที่สุด

๓. ปัญหาทุนผูกขาด และความร่ำรวยของคนไม่กี่ตระกูลในกลุ่มทุนจีนเก่า จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนถ่างกว้างมากขึ้น จะยังคงเป็นปัญหาเศรษฐกิจหลักของประเทศ ที่รอการระเบิด ผสมกับการทุจริตคอรัปชั่นที่แก้ไม่ตกของนักการเมืองและข้าราชการประจำ จะทำให้ประชาชนอาจรุกฮือใหญ่ขึ้นได้ในอนาคต

๔. ปัญหาการศึกษาไทย ที่แก้เท่าไรก็แก้ไม่ตก ทำให้คุณภาพของคนไทยโดยรวมไม่ดีขึ้น ส่งผลถึงการแข่งขันระหว่างประเทศ คนไทยส่วนใหญ่จะกลายเป็น”ไก่รองบ่อน” ที่ไร้คุณภาพ เหตุเพราะเป็นคนไม่นิยมแสวงหาความรู้ และไม่มีนิสัยรักการอ่านหนังสือ จนถึงระดับครูบาอาจารย์ ความรู้สึกไม่พอใจต่อระบบที่ไร้คุณภาพที่เป็นอยู่ จะสะสมจนกลายเป็น”วิญญาณกบฏ”ของคนรุ่นใหม่ต่อสังคมที่เป็นอยู่ เพื่อรอการปะทุในวันข้างหน้าเช่นกัน

๕. วิกฤติรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่วิกฤติทางการเมือง ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ระหว่างประชาชนกับฝ่ายรัฐ ที่ครอบงำโดยรัฐทหาร ด้วยเป็นรัฐธรรมนูญที่สร้าง”รัฐทหาร”ครอบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกทีหนึ่ง จึงกลายเป็นระบอบประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ เผด็จการก็ไม่เชิง ความอีหลักอีเหลื่อเช่นนี้จะก่อให้เกิดความอึดอัดขึ้นในสังคมไทยมากขึ้น

๖. พลังของสื่อสังคมออนไลน์ จะสร้างพลังต่อต้านความไม่ถูกต้องแทนรูปแบบพลังเก่า และสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้น ในสังคมไทยแบบ”flash mob” จะมีไปตลอดปี ๒๕๖๓ เป็นประเด็นในแต่ละเรื่องไป และต้องไม่ถูกขัดขวางตราบใดที่ยังเป็นการชุมนุมอย่างสงบและสันติ โดยรัฐบาลต้องทันต่อการตอบสนองต่อปัญหาที่ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมืองผ่าน flash mob นี้โดยรัฐต้องลดความหวาดระแวงแบบรัฐในอดีตลง

ทางออก

๑. แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ให้กลไกประชาธิปไตยเดินด้วยตัวเอง ในรัฐสภาใหญ่ และสภาท้องถิ่น ในทุกระดับบนพื้นฐานการกระจายอำนาจ

๒. การกระจายอำนาจทางการปกครอง การกระจายอำนาจทางการศึกษา การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จะต้องไม่ถูกขัดขวางด้วยระบบกฎหมายและความคิดอนุรักษ์นิยมที่ล้าสมัย

๓. การแก้ทุนผูกขาด ด้วยการสร้างประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ จะต้องทำให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่ช่องว่างทางรายได้จะถ่างกว้างจนควบคุมไม่ได้

๔. การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเชิงโครงสร้างให้มีความเป็นธรรมในทุกระดับ ต้องทำทันที ไปตามลำดับปัญหา

๕. การแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นทุกระดับ ทุกระบบ ไม่ทำให้มีประสิทธิภาพ ไม่ได้แล้ว

๖. การสร้างสำนึกสิทธิมนุษยชนสากล ในโรงเรียน เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกสากลนิยม ต้องขยับตัวให้เร็วขึ้น

๗. การสร้างสำนึก”รักชาติ รักประชาชน” แทนสำนึก”ชังชาติ ชังประชาชน” เพื่อเกิดสำนึกพลเมืองในระบบประชาธิปไตย ที่เรียกว่า “civic citizen” ให้เข้าถึงความจริง ความดี ความงาม มีความรักมนุษยชาติเป็นพื้นฐาน จึงจะเป็นทางออกของสังคมไทย

ขอให้โชคดีปีใหม่และมีความสุขทุกๆ คนไปกับกฎวิวัฒนาการร่วมสมัย ครับ

admin

This website uses cookies.