นายเสรี สุวรรณภานนท์สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2563 โดยมีรายละเอียดดังนี้
วุฒิสภาต้องเลิกการไปศึกษาดูงานต่างประเทศ
ตอนนี้ก็ใกล้จะปิดสมัยประชุมรัฐสภาภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
ผมว่าวุฒิสภาในสมัยนี้มีที่มาเปราะบางในความรู้สึกของพี่น้องประชาชน
การที่สมาชิกวุฒิสภาในชุดนี้จะทำอะไรก็จะต้องมีความตระหนักในความคิดของประชาชนทั่วไป
ผมเป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนย่อมทราบและเข้าใจในความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อพฤติกรรมของนักการเมืองในช่วงเวลาที่ผ่านมานับสิบปีและเข้าใจในพฤติกรรมของนักการเมืองที่ผ่านมา
และผมมักจะบอกสมาชิกวุฒิสภาในคณะกรรมาธิการของผมมาตลอดว่าความเปราะบางของวุฒิสภาในชุดนี้มีมาก
ดังนั้นการรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง และของพี่น้องประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สมาชิกวุฒิสภาในชุดนี้จะต้องตระหนักและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม
โดยไม่กระทำในสิ่งที่สวนทางกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่นักการเมืองในยุคก่อนเขาทำกัน
ที่นักการเมืองในยุคปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องทำตามเช่นการใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชนไปศึกษาดูงาน(ไปเที่ยวที่ต่างประเทศ) ที่มักจะไปกันในทุกช่วงเวลาปิดสมัยประชุมซึ่ง๑ปีมีการปิดสมัยประชุม๒ครั้งอันเท่ากับว่าจะมีการไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศได้ปีละ๒ครั้ง
บางคนอาจจะบอกว่าการไปศึกษาดูงานแล้วเป็นเรื่องได้ประโยชน์ ซึ่งมันอาจจะได้ประโยชน์จริงๆก็ได้ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลของคนที่อยากไป
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วมันได้ประโยชน์แต่น้อยกว่าเสียประโยชน์เพราะในความรู้สึกของชาวบ้านและสื่อมวลชนไม่ได้คิดเช่นนั้น
และที่ผ่านมาในการเดินทางไปต่างประเทศของวุฒิสภาสมัยก่อนๆ ก็จะมีบริษัททัวร์มาคอยรับจัดการเดินทางไปประเทศที่น่าท่องเที่ยวหรือที่ตนสนใจ ขึ้นเครื่องบินในชั้นธุรกิจ มีเบี้ยเลี้ยงที่พักดี อาหารดีด้วยงบประมาณจากภาษีอากรของประชาชนทั้งสิ้น
และบางคนยังพาคนนอกไปอีก
และทุกๆปีสื่อมวลชนก็จะลงข่าวประณามว่าเป็นการ”ผลาญงบ” พร้อมเสียงกร่นด่าของประชาชน
สิ่งต่างเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ที่วุฒิสภาในชุดปัจจุบันควรต้องตระหนักที่จะไม่ใช้งบประมาณในลักณะเช่นนั้น
ยุคปัจจุบันผมเชื่อว่าหากมีการใช้งบประมาณไปในลักษณะนี้จะต้องถูกตรวจสอบจากภาคประชาชนและภาคองค์กรอิสระแน่นอนว่าใช้เงินไปในทางที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตนหรือไม่อันจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน
ปัจจุบันประเทศเกิดปัญหาด้านต่างๆหลายด้านที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
บ้านเมืองเกิดวิกฤติแห้งแล้งขาดน้ำประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
เกิดโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาทำให้เกิดการเจ็บป่วยล้มตายถึงขนาดไม่มีคนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยทำให้ประเทศขาดรายได้การดำเนินชีวิตของประชาชนอยู่บนความเสี่ยงภัย
เกิดปัญหาเศรษฐกิจ พี่น้องประชาชนไม่อาจทำมาค้าขายได้รายได้ที่ได้รับก็ไม่พอเพียงต่อการดำรงชีวิต
การใช้จ่ายในประเทศฝืดเคือง และกฎหมายงบประมาณของปี๖๓ก็ยังไม่ออกยังติดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ฝุ่นพิษPM 2.5ที่สร้างความเดือดร้อนกันมีผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนที่ขยายตัวไปทั่ว
สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นความทุกข์ยากของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
การใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชนสมาชิกวุฒิสภาจึงต้องตระหนักและเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะไมใช้งบประมาณเหล่านั้น ให้เป็นที่ขัดเคืองใจของประชาชนทั้งประเทศ
ตอนนี้ใกล้จะปิดสมัยประชุมรัฐสภาแล้วก็หวังว่าอะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีไม่งามไม่ควรจะเกิดขึ้นกับสมาชิกวุฒิสภาในชุดนี้.
12 ธันวาคม 2566…
This website uses cookies.