‘จตุพร’ ชวนคนเสื้อแดงร่วมทำบุญทั้งแผ่นดินครบ 10 ปี 19 พฤษภา 53 ลั่นฝ่ายอำนาจอย่าขวาง เพราะทำบุญไม่ผิด พรก.ฉุกเฉิน

เมื่อ 14 พ.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ PEACE TALK ผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ “Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์” ว่าวันที่ 19 พ.ค. นี้ เป็นวาระครบรอบ 10 ปีพฤษภา 2553 ขอเชิญประชาชนร่วมทำบุญกันทั้งแผ่นดิน แม้อยู่ภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน แต่ยังสามารถทำบุญได้ตามสะดวก โดยแต่ละคนอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนผู้ล่วงลับพร้อมกัน แล้วส่งคลิปมายังพีซทีวี เพื่อเผยแพร่เป็นระยะ

“ขอผู้มีอำนาจอย่าวิตกกังวล และมาขัดขวางเป็นอันขาด หลายเรื่องราวในช่วงเหตุการณ์ 10 ปีที่ผ่านมานั้น ยิ่งแสวงหาความจริง ยิ่งเจ็บปวด เพราะความตาย ความบาดเจ็บของฝ่ายถูกฆ่าล้วนรับชะตากรรมกันครบถ้วน แต่ผู้ถูกฆ่าไม่ได้แสดงความรับผิด หรือได้รับคดีตามกฎหมายใดๆทั้งสิ้น”

อีกทั้งกล่าวว่า ผลพวงต่อสู้นั้น ตนพยายามไม่หยิบยกความคับแค้นออกมาอีก แต่ขอเตือนฝ่ายการเมืองที่ชี้หน้าต่อว่าคนอื่น ทั้งที่ตัวเองไม่ได้สะอาดหมดจดแต่อย่างใด จึงไม่มีสิทธิชี้หน้าสร้างความคับแค้นให้ใครแต่อย่างใด

“ฝ่ายที่ออกมาเหยียบย่ำ ผมจะบอกให้ว่า ถ้าบีบกันถึงจนตรอกแล้ว หน้าตาแบบไหนผมไม่สนใจทั้งนั้น ผมจะบอกให้ จะสู้ยิบตา และคงรู้ว่าเวลาผมสู้เป็นอย่างไร เมื่อประเทศอยู่ท่ามกลางความยากลำบาก ประชาชนทุกข์แสนสาหัส เราก็พยายามหลีกเลี่ยง ยกเว้นว่า ไม่มีทางเลือกอื่น”

นายจตุพร กล่าวว่าฝ่ายที่พยายามโหมประโคมเหยียบย่ำกันมาตลอด 10 ปีนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อสังคมได้ โดยผลการเลือกตั้งหลายครั้งผ่านมาก็ไม่เปลี่ยนแปลง ซ้ำร้ายคนพวกนี้ยังสังเวยบ้านเมืองให้อยู่ในสภาพปัจจุบัน หากการกล่าวหาปลุกระดมซ้ำซากเป็นความจริงแล้ว การเลือกตั้งช่วง 10 ปีก็ควรจะเปลี่ยน

“การรบกันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่รู้ว่าบั้นปลายคือสภาพของประเทศในขณะนี้ ถ้าไม่รู้ว่าประชาชนเป็นทุกข์แล้ว ควรไปดูตู้ปั้นสุขที่ตั้งโชว์ถึงการเสียสละแต่ยังให้คนเฝ้า หรือตั้งกล้องวงจรปิด มันทุเรศที่สุด ยังสื่อให้เห็นชัดว่า ความหิวไร้น้ำใจ สอนให้คนเห็นแก่ตัว เพราะไม่ได้ใช้สมองคิด แต่ใช้ท้องคิด นายกฯบอกว่า อย่าให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมาอีก ก็ห้ามไม่ได้ ยกเว้นจัดการความหิวของประชาชนได้เสร็จสิ้น”

ส่วนการเยียวยา 5,000 บาทนั้น สรุปแล้วจะมีคนตกหล่น 1.7 ล้านคน แล้วมียาหอมว่า ไม่ทอดทิ้ง แต่ไว้ทีหลัง ไม่รู้ว่าเมื่อไร ดังนั้น เมื่อสภาพบ้านเมืองเป็นแบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องตอบโต้ทุกเรี่อง ปล่อยความจริงและเวลาทำงานกันไป

นายจตุพร กล่าวว่า ทุกเหตุการณ์ยังดำรงอยู่เป็นประวัติศาสตร์ เพราะคนยังจดจำ 14 ตุลา 2516 ยังจำความเหี้ยมโหดของ 6 ตุลา 2519 อีกทั้งรู้พฤษภาทมิฬ 2535 รวมทั้งเมษา-พฤษภา 2553 ได้ดี และประวัติศาสตร์ทุกเหตุการณ์ผ่านมาความตายยังน้อยกว่าปี 2553 เพราะประชาชนมือเปล่าถูกอาวุธสงครามยิงเกือบ 2 แสนนัด ยังเป็นครั้งแรกใช้สไนเปอร์ปราบยิงผู้ชุมนุมอีกกว่า 2,000 นัด

ดังนั้น ในช่วง 10 ปีนี้ อย่างน้อยเราหวังจะได้ชำระความรู้สึกค้างคาใจ แม้ไม่หมด แต่เราได้ทำบุญตามนัดหมายกันทั้งแผ่นดิน เพื่ออย่างน้อยที่สุดดวงวิญญาณคนเสื้อแดงได้รับกุศล

ส่วนความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขยับแล้ว ใครคิดสู้ก็ผิด เพราะพรรคนี้ผู้มีอำนาจตัวจริงคือ พล.อ.ประวิตร ดังนั้น ฝ่าย 4 กุมารใต้การนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็คงสู้ไม่ได้ และพล.อ.ประวิตร จะเป็น หัวหน้า พปชร.วันไหนก็ได้

รวมทั้งกล่าวว่า หลังโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในทางการเมืองที่ฝ่ายอำนาจจะลงจากการเมืองอย่างคนเป็นฮีโร่ ซึ่งทบทวนกรณีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวอย่างที่ดี ที่เปล่งคำพูดว่า ผมพอแล้ว จึงเปลี่ยนจากเสียงไล่ของม็อบมาเป็นเสียงปรบมือ

เมื่อเลยเวลาที่ดีที่สุดแล้ว แม้จะออกจากการเมือง แต่ก็ไม่เป็นสุข เพราะพวกเชียร์ให้อยู่ต่อจะพยายามผลักดันด้วยคำพูดเยินยอ ฟังสบายหู จนผลักให้ไปยืนอยู่หน้าประตูนรกเสมอ

“ดังนั้น ท่านจะอยู่หรือไป ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ขอให้ท่านยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน เพราะคนเดือดร้อน เป็นทุกข์ด้วยความหิวแล้วจะสิ้นคิด จนก่ออาชญากรรมร้ายแรงได้ ถ้ายังปล่อยคนตกหล่นเยียวยาถึง 1.7 ล้านคน แล้วบอกไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ถ้า 1.7 ล้านคนหิวรัฐบาลเอาไม่อยู่แล้ว เพราะคนหิวเป็นมนุษย์ที่ไม่ฟังใคร”

นายจตุพร กล่าวว่า คน 1.7 ล้านคนต้องอย่าปล่อยทิ้งไว้ข้างหลัง ต้องรีบจัดการให้เร็ว เพื่อไม่ให้เขาหิว เมื่อตู่ปั้นสุขเอาไม่อยู่ ท้ายที่สุดสภาพการ 1.7 ล้านคนจึงน่าห่วงมากที่สุด

admin

This website uses cookies.